พระพรที่โด่งดังไปทั่วโลก

ระหว่าง ค.ศ. ๑๙๑๘-๒๓ คุณพ่อปีโอฟังแก้บาปนาน ๑๕-๑๙ ชั่วโมงทุกๆ วัน จนคุณพ่ออธิการต้องจำกัดเวลาฟังแก้บาปของคุณพ่อให้น้อยลง ค.ศ. ๑๙๔๐-๕๐ คุณพ่อปีโอจึงฟังแก้บาปลดลงเหลือ ๕-๘ ชั่วโมงในแต่ละวัน
ในเวลาเช้าคุณพ่อปีโอจะโปรดศีลอภัยบาปสตรีที่ห้องฟังแก้บาปภายในวัด ส่วนเวลาบ่ายสัตบุรุษชายจะมาแก้บาปในห้องแต่งตัวพระสงฆ์หลังวัด โดยนั่งพูดคุยกันอย่างเปิดเผยตามลำพังสองคน คุณพ่อปีโอจะปรกมือทั้งสองบนบ่าของผู้สำนึกผิดที่มาขอคืนดีกับพระเป็นเจ้า

หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีสัตบุรุษมาแก้บาปกับคุณพ่อปีโอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น สัตบุรุษจะตั้งแถวแต่เช้ามืดคอยคุณพ่อปีโอมาฟังแก้บาป เมื่อมีคนเพิ่มมากขึ้น หลายครั้งผู้มายืนรอคุณพ่อปีโอเกือบทั้งวันจำนวนหนึ่งจะไม่ได้พบคุณพ่อปีโอ คนเหล่านั้นก็จะมาเข้าแถวรออีกครั้งในวันรุ่งขึ้น และเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้ลำดับตามเดิมที่ได้เมื่อวันวาน เช่น สมมุติว่าคนหนึ่งรอเป็นคนที่ ๔ ของวันก่อน อาจจะอยู่ในลำดับที่ ๑๓ ของวันรุ่งขึ้น

เมื่อเกิดปัญหาในการเข้าคิวมากขึ้น ทางคณะและโบสถ์จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบในเรื่องนี้ คุณพ่อเคลเมนต์ นอยเบาเออร์ มหาธิการคณะที่กรุงโรม ขออนุญาตใช้ “บัตรคิวแก้บาป” คุณพ่อเคลเมนตรู้สึกว่าการใช้บัตรคิวให้ความรู้สึกว่าวัดเป็นโรงภาพยนตร์มากกว่าสถานที่ภาวนา แต่ก็ได้รับการจูงใจว่าจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีนี้เพื่อลดความขัดแย้ง ในเวลาต่อมาผู้จะมาแก้บาปกับคุณพ่อปีโอจะต้องไปลงทะเบียน โดยแยกระหว่างคนในท้องที่และผู้แสวงบุญจากต่างถิ่น และเพื่อไม่ให้มีการซื้อขายบัตรคิวผู้แก้บาปต้องเซ็นต์ชื่อในบัตรต่อหน้าพระสงฆ์ที่ออกบัตร โดยพระสงฆ์จะลงนามและระบุวันที่ออกบัตรไว้ด้วย


คุณพ่อปีโอในวัยหนุ่มกอดแกะ