รักษาความบริสุทธิ์ด้วยชีวิต

อาแลสซานดรีนา เกิดที่เมืองบาลาซาร์ในวันที่ 30 มีนาคม 1904 เป็นลูกสาวคนเดียว ฐานะของครอบครัวยากจน เธอเป็นคนเปิดเผย ร่าเริง มีบุคลิกภาพดี คุณแม่อบรมสั่งสอนเธอในเรื่องศาสนาอย่างซาบซึ้ง และได้มีโอกาสไปเรียนหนังสือในโรงเรียนเป็นเวลาเพียงหนึ่งปีครึ่ง พออายุย่างเข้า 8 ขวบ ก็เริ่มทำงานรับจ้าง เมื่ออายุย่างเข้า 12 ขวบ เกิดป่วยหนักจนแทบเอาชีวิตไม่รอด และเมื่ออายุย่างเข้าปีที่ 14 ก็ดูเป็นสาวเต็มตัว กิริยามารยาทงดงาม ชายหนุ่มคนหนึ่งหลงใหลในตัวเธอ จึงชวนเพื่อนชายอีกสองคนบุกขึ้นบ้านเพื่อหวังข่มขืนเธอ เธอไม่ยอมจึงปีนหน้าต่างแล้วกระโดดลงมาจากชั้นบน กระดูกสันหลังหักได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส เธอได้รับการรักษาพยาบาลอยู่นานถึงเจ็ดปี อาการไม่ดีขึ้น และกลายเป็นคนพิการได้แต่นอนบนเตียงเท่านั้น

ในช่วงต้นๆ เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้หายจากความเจ็บปวด เธอสวดภาวนาขอพระเป็นเจ้าโปรดประทานสุขภาพคืนให้เธอ แต่พอเธอรู้ว่าภาระหน้าที่ของเธอคือสู้ทนความทุกข์ทรมานด้วยความอดทน เธอจึงยอมรับความยากลำบากแสนสาหัสนี้ด้วยความเต็มใจ และดำเนินชีวิตด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนถึงเวลาสิ้นใจ

ชีวิตแห่งการเพ่งพิศภาวนาระดับสูง

อาแลสซานดรีนา มารีอา ดากอสตา เป็นบุคคลที่มีกระแสจิตสูง ในช่วงสิบสามปีสุดท้ายของชีวิต เธองดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดโดยสิ้นเชิง บรรดาแพทย์ต่างพิศวงงงงวย พยายามมาตรวจร่างกายและวิเคราะห์สาเหตุด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อความกระจ่างชัดของเหตุการณ์นี้ ผู้ให้คำตอบได้แจ้งชัดที่สุด น่าจะเป็นคุณพ่อปาสกัลลีเบราตอเร ประธานผู้ยื่นขอสถาปนาเป็นนักบุญ ซึ่งท่านก็ได้กรุณาอธิบายสภาวะจิตของอาแลสซานดรีนา ไว้ดังนี้

พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงอนุญาตให้อาแลสซานดรีนามีส่วนร่วมในมหาทรมานของพระเยซูคริสต์ เริ่มตั้งแต่สวนเกสเซมานี จนถึงตอนที่พระองค์ถูกตรึงกางเขน

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1983 พระเยซูคริสต์ตรัสกับเธอว่า ทรง “อนุญาตให้เธอมีส่วนร่วมในมหาทรมาน เริ่มจากสวนมะกอกไปจนถึงภูขากัลวารีโอ แต่ไม่ถึงตอนสิ้นพระชนม์”

อาแลสซานดรีนาเริ่มป่วยแบบต้องนอนอยู่บนเตียงเมื่อเธอมีอายุได้ 21 ปี และเป็นอยู่เช่นนั้นเป็นเวลายาวนานถึง 30 ปีติดต่อกันจนสิ้นใจ จากเดือนตุลาคม 1938 ถึงมีนาคม 1942 เป็นเวลาสามปีครึ่งมองเห็นได้ชัดเจนว่า เธออยู่ในสภาวะร่วมทนทุกข์ทรมานกับองค์พระเยซูคริสต์ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำกันทุกสัปดาห์ จำนวน 182 ครั้ง เริ่มจากวันพฤหัสบดีถึงวันศุกร์ ต่อจากนั้นปรากฏการณ์ที่แทบไม่เชื่อก็ตามมา คือ การงดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดเป็นเวลายาวนานถึง 13 ปี กับ 7 เดือน