ด.ช. กียเลีย : พระสันตะปาปาครับ ทุกคนบอกเราว่า การไปวัดวันอาทิตย์เป็นสิ่งที่สำคัญ เราก็ชอบไปร่วมมิสซา แต่บ่อยๆ พ่อแม่เราไม่พาเราไป เพราะยังไม่ตื่นนอน พ่อแม่ของเพื่อนผมคนหนึ่งทำงานในร้ายขายของ และในวันหยุดมักเดินทางไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ในต่างจังหวัด เราจะบอกพวกเขาให้เข้าใจได้อย่างไรว่า การไปวัดวันอาทิตย์เป็นสิ่งสำคัญครับ

พระสันตะปาปา : การไปวัดวันอาทิตย์เป็นสิ่งสำคัญ แต่พ่อแม่ก็คงจะมีเรื่องจะต้องทำมากมาย ดังนั้น จึงต้องพูดกับท่านด้วยความรัก และ ความเคารพ เช่น บอกท่านว่า “ คุณแม่หรือคุณพ่อครับ การไปพบพระเยซูเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราทุกคน เพราะจะช่วยให้เราดีขึ้น พระองค์สำคัญต่อชีวิตเรา ให้เราสละเวลาเล็กน้อย เพื่อไปหาพระองค์ด้วยกันนะครับ ” หรืออาจจะพูดอย่างสุภาพว่า “ คุณพ่อคุณแม่โปรดเข้าใจนะครับว่า การไปวัดมิสซาสำคัญต่อผมเพียงคนเดียว หรือเป็นเพราะครูคำสอนบอกเท่านั้น แต่สำหรับเราทุกคน และการไปวัดยังเป็นแสงสว่างของวันอาทิตย์สำหรับทุกคนในครอบครัวของเราอีกด้วยครับ ”

ด.ช. อะเลสซานโดร : การฟังมิสซา และการรับศีลมหาสนิทมีผลดีต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไรครับ

พระสันตะปาปา : การฟังมิสซาและการรับศีลมหาสนิทเป็นศูนย์กลางของชีวิตเรา เรามีชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งต่างๆ รอบด้าน ผู้ที่ไม่เข้าวัดจะรู้สึกว่าชีวิตของตนมีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ขาดหายไปคือ การขาดองค์พระเยซูเจ้า หากพระเจ้าขาดหายไปจากชีวิตของเรา ก็เท่ากับเราขาดผู้นำทาง หรือขาดเพื่อนผู้รู้ใจ เพื่อนที่นำความชื่นบานให้แก่ชีวิตเรา ขาดพลังที่จะเสริมสร้างให้เราเป็นคนหรือเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ และขาดพลังที่จะเอาชนะความชั่วร้ายต่างๆ

ดังนั้น แม้ว่าการอยู่กับพระองค์และการรับศีลฯนั้น เราอาจจะไม่สังเกตเห็นผลในทันที แต่เมื่อเราขาดพระองค์ไปทุกสัปดาห์เป็นปีๆ เราจะเห็นผลร้ายที่ทำลายระดับพื้นฐานของชีวิตเรามากขึ้นทุกขณะ ให้เราดูตัวอย่างประเทศต่างๆ ที่ไม่นับถือพระเจ้าเป็นเวลานานๆ ดูสิ จะเห็นว่าจิตวิญญาณของผู้คน และแม้แต่พื้นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็ถูกทำลายลงไปด้วย ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นสิ่งสำคัญขั้นพื้นฐานทีเดียวที่เราจะต้องได้รับการบำรุงเลี้ยงชีวิตด้วยการรับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท พระองค์ผู้ประทานแสงสว่างแก่เรา พระองค์ผู้ทรงนำทางชีวิตที่เราจะขาดไปไม่ได้เลย

ด.ญ. อันนา : พระสันตะปาปาค่ะ กรุณาอธิบายให้พวกเราเข้าใจความหมาย เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสแก่ผู้ที่กำลังติดตามพระองค์ว่า “ เราคือปังแห่งชีวิต ”

พระสันตะปาปา : ก่อนอื่น ให้เราทำความเข้าใจกับความหมายของขนมปังเสียก่อน ในปัจจุบันเรามีอาหารเลิศรสนานาชนิด ขนมปังเป็นอาหารขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อชีวิต เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเรียก พระองค์เองว่าปังแห่งชีวิต จึงหมายถึงอาหารทุกชนิดที่จำเป็นต่อชีวิต ร่างกายต้องการอาหารบำรุงเลี้ยงฉันใด จิตใจและวิญญาณของเราก็ต้องการอาหารเลี้ยงฉันนั้น แต่เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิตที่คิดได้ และมีจิตวิญญาณ จึงต้องหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเราด้วย

ดังนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ เราคือปังแห่งชีวิต ” จึงหมายความว่า พระองค์คืออาหารที่จำเป็นสำหรับวิญญาณที่อยู่ภายในตัวเรา เพราะวิญญาณก็ต้องการอาหารบำรุงเลี้ยงด้วย มนุษย์ต้องการมิตรภาพของพระเจ้า เพื่อช่วยให้ตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้อย่างถูกต้อง พระเยซูเจ้าทรงบำรุงเลี้ยงเรา เพื่อเราจะได้เป็นผู้ใหญ่ที่ครบครันและมีชีวิตที่ดี

ด.ช. อะเดรียโน : พระสันตะปาปาครับ เขาบอกเราว่า วันนี้จะมีการเฝ้าศีลมหาสนิท การเฝ้าศีลมหาสนิทคืออะไรครับ การเฝ้าศีลต้องทำอย่างไร ช่วยอธิบายได้ไหมครับ ขอบพระคุณครับ

พระสันตะปาปา : เราจะมาเฝ้าศีล และเรียนรู้ การเฝ้าศีลที่ถูกต้อง คือ การอยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้า มีการสวดภาวนา ร้องเพลง คุกเข่า

คำถามของหนูคงต้องการคำตอบที่ลึกกว่าที่กล่าวมานี้ เพราะหนูไม่เพียงอยากรู้ว่า การเฝ้าศีลต้องทำอย่างไรเท่านั้น แต่อยากรู้ถึงความหมายของการเฝ้าศีลด้วย การเฝ้าศีลคือการยอมรับว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระเจ้าของฉัน เป็นผู้ที่จะนำทางฉันต่อไป และฉันจะมีชีวิตที่ดีได้ก็ต่อเมื่อฉันรู้ส้นทางที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ชี้บอก และเดินตามทางเส้นนั้น

ดังนั้น การเฝ้าศีลจึงเป็นการพูดว่า “ ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกเป็นของพระองค์ ลูกจะติดตามพระองค์ไปในการดำเนินชีวิต ลูกไม่ต้องการจะสูญเสียมิตรภาพนี้ และอยากมีชีวิตร่วมกับพระองค์ ”

การเฝ้าศีลเป็นการสวมกอดพระเยซูเจ้า และฉันพูดกับพระองค์ว่า “ ลูกเป็นของพระองค์ และลูกขอให้พระองค์อยู่กับลูกตลอดไป ”