เหตุการณ์วันที่ 8 พ . ค .31

ได้มีพลมารีมาต่อว่าพ่อว่ามีเรื่องนี้ทำไมไม่บอก พ่อก็บอกเขาว่าพ่อต้องขอโทษด้วย เพราะพ่อเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น แต่มีอยู่อย่างที่ว่า

“ ทุกครั้งที่มีการสวดสารประคำแม่จะมาประทับอยู่ที่นี่ ”

แม่พระสัญญาอย่างนี้ เสร็จแล้วก็มีคนพาคนป่วยมาหาพ่อหิ้วปีกมาเลย ไม่สบายมาก พ่อก็เลยบอกว่า ดี ให้เราไปสวดที่หน้าถ้ำกัน พอเราสวดเสร็จพ่อก็อวยพรให้กับคนป่วย เท่านั้นแหละครับก็เกิดปรากฏการณ์อีก พ่อเองมองขึ้นไปเห็นเป็นวง 4 วงด้วยกัน และก็ไม่ได้เห็นอะไร แต่ทุกคนเห็นสีสันต่าง ๆ เหมือนกันและพ่อก็เลยบอกว่าเราไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับพระเป็นเจ้าหรือแม่พระมาทำอัศจรรย์ให้เราเห็น พ่อสรุปเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ

1) ชื่นชมยินดีแม้ตัวเองจะยังไม่เห็น

2) เฉย ๆ

3) พวกติดตามสอบถามให้แน่ชัด

4) พวกต่อต้านว่าไม่จริง ....

นี่เป็นแต่บันทึก เรื่องราวเท่านั้น และพระศาสนจักรก็ยังไม่ได้มีการับรองใด ๆ พ่อเพียงแต่เสนอเรื่องให้พระคาร์ดินัลท่านทราบ และท่านเพียงแต่ยิ้มๆ และเหตุที่ยิ้มที่อาเดเรียได้บอกกับพ่อว่าเมื่อวันที่ 11 เม . ย . นั่งเครื่องบินไปโรมด้วยกัน และอาเดเรียก็บอกว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 12 เม . ย . ที่คลองสิบสอง พระคาร์ดินัลเลยถามว่า

“ อะไร จริงหรือ ” เพราะฉะนั้นเมื่อพอไปบอกท่านก็เพียงแต่ยิ้ม ๆ เท่านั้นเอง และในช่วงนั้นพ่อก็ถามว่า แม่พระประจักษ์มาทำไม และอาเดเรียก็เลยเขียนไว้ เมื่อวันที่ 25 พ . ค . ใจความว่า
1) เพื่อสอนเราว่าให้เรารักพระเยซูเจ้าเสมอๆ ไม่มีใครรักพระเยซูเจ้าได้ดีเท่าแม่ และติดตามด้วยแบบอย่างอันสุภาพของแม่
2) เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา หากเราไม่ละทิ้งสิ่งเลวร้าย
3) เพื่อช่วยวิญญาณเรา และวิญญาณที่อยู่ในไฟชำระ
4) เพื่อให้เรานบนอบต่อพระศาสนจักร และผู้มีหน้าที่อภิบาลสัตบุรุษทุกคน
5) เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระอาณาจักรสวรรค์ และให้ความหวังแก่เรา

ก็คือแสงสี ปรากฏการณ์ต่าง ๆ อันนั้นมันเป็นเพียงแต่กลิ่น เป็นเพียงส่วนที่แจ้งเราให้เราเห็นความรุ่งโรจน์ในสวรรค์ก็ว่าได้ หลายคนที่มาที่นี่รู้สึกสงบเพีงแค่เห็นแสงเห็นสีเท่านั้นแหละ มันแปลกและทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับพระเป็นเจ้า