สิ่งที่เป็นเพียงความคิดเล่นอย่าถือจริงจัง
มาถึงโค้งสุดท้าย ผมอยากคิดดังๆ โดยตั้งคำถามที่ไม่เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาแต่เป็นความคิดทางด้านฟิสิกส์ว่า
เป็นไปได้หรือไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน และอนาคตคือความจริงที่ซ้อนกันอยู่ แน่นอนผมไม่ได้เป็นคนคิดคนแรกหรอก
หลายคนคิดมาก่อนแล้ว แต่จากความลับฟาติมาที่มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นจริงนั้น
จะนำมาอ้างความคิดเรื่องความจริงซ้อนนี้ได้หรือไม่ เช่น แม่พระรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างไร
ถ้าหากความจริงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแล้ว เพราแม่พระอยู่นอกเวลา เราอยู่ในเวลา
เช่นนั้นสิ่งที่เราเรียกว่าอนาคตนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากอดีตเพราะแม่พระเห็น
นี่คือปัญหาเรื่องเวลา วันก่อนนักฟิสิกส์อังกฤษคนหนึ่งออกมาพูดเรื่องเวลาไม่มีอยู่จริง
ทุกอย่างล้วนเป็นนิรันดร์ สิ่งที่เราเรียกว่าเวลาล้วนเกิดมาจากสมองของคนเราหลอกเราไปเอง
และมนุษย์สร้างกฎเกณฑ์ของเวลามากำหนดชีวิตตัวมนุษย์เอง ความเป็นจริงนั้นไม่มีการเคลื่อนอะไร
อดีต ปัจจุบัน อนาคตไม่ใช่ความเป็นจริง เป็นเพียงภาพลวง (อ่านแล้วก็งงใช่ไหมครับ)
จากความคิดเช่นนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งวุ่นวายแน่ และที่จริงในอดีตคนที่คิดแบบนี้ก็มีจริงๆ
เช่นแนวความคิดเรื่องชตากรรม คือ คนเราถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นไร
แนวความคิดเช่นนี้ทางอาเซียชอบ ทางตะวันตกโต้แย้งและไม่เห็นด้วยเป็นต้นนักบุญออกัสตินนั้นไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง
ทางออกของท่านคือผลงานเรื่อง พระหรรษทานนั่นเอง อย่างไรก็ตามขอสรุปความคิดเห็นจุดนี้ว่า
เมื่อแม่พระบอกอนาคตเราได้เช่นนี้ นั่นหมายความว่าอนาคตเกิดแล้ว แต่เปลี่ยนแปลงได้กระนั้นหรือ
จุดต่อมาคือคำทำนายของแม่พระเอง คำถามคือ นิมิตที่ซิสเตอร์ลูเชียเห็นนั้น
สำเร็จลุล่วงไปแล้วทุกประการแล้วหรือไม่ มีอะไรที่ยังเกี่ยวกับอนาคตหลงเหลืออยู่อีกบ้างหรือไม่
นิมิตที่เห็นว่า พระสังฆราชถูกยิงล้มลงร่วมกับบรรดาพระสงฆ์นักบวช ฆราวาสมากมายนั้นสิ้นสุดลงที่พระสันตะปาปายอห์น
พอลที่สองถูกลอบปลงพระชนม์ เมื่อเวลาดังกล่าวผ่านไปแล้วนั่นหมายความว่าความลับดังกล่าวหมดหน้าที่ของการเป็นความลับแล้วหรือ
อันนี้เราจะตอบอย่างไร (อย่าตอบนะว่าไปถามซิสเตอร์ลูเชียเองสิ เพราะมันง่ายเกินไป)
โดยส่วนตัวของผมนั้นคิดว่า นิมิตยังคงดำเนินอยู่ในโลกปัจจุบัน
ดูจากคนที่ถูกเบียดเบียนจากสาเหตุมากมายในโลก จากเรื่องศาสนา เรื่องความอยุติธรรม
เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสงครามย่อยๆ ปัญหาพื้นฐานของโลกยังไม่ได้รับการแก้ไขจริงๆ
โลกยังขาดความรักอยู่เหมือนเดิม คำว่าโลกจะมีสันติที่มีแม่พระบอกนั้นไม่น่าจะเป็นสันติร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกแห่งในโลก
ดูจากจำนวนคนตายในแต่ละวัน หรือจากปัญหารอบด้านของโลกปัจจุบัน ดังนั้นโอกาสที่สงครามจะเป็นเครื่องมือตัดสินว่าความคิดของฉันถูกต้องก็ยังมีความเป็นไปได้
และอนาคตสงครามก็จะเกิดในหลายรูปแบบไม่ใช่เพียงแต่เอากำลังเข้าต่อสู้กัน
โลกใบนี้จะยังคงเต็มไปด้วยปัญหาต่อไปอีกนาน อันที่จริงสงครามมีเกิดขึ้นทุกขณะจิตใจตัวเรานี่เองถ้าจะมองลึกมาในตัวเรา
การต่อสู้ช่วงชิงตามแรงผลักดันของอัตตาเรามีอยู่ตลอดเวลา และมันจะมีต่อไปจนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาครั้งที่สองตามความเชื่อเรื่องอวสานกาลของเรานั่นแหละ
ดับสงครามในตัวเราได้ สงครามนอกตัวเราก็จะไม่เกิดขึ้น... ขอจบดื้อๆอย่างนี้ล่ะครับ
http://www.issara.com/article/arch/fatima.html