การตายและกลับคืนชีพของอัสลาน

อัสลาน ตายเพื่อไถ่บาปของคนบาป(เอ็ดมันด์)ที่หันไปเชื่อแม่มดขาว ซึ่งที่จริงแล้วเขาต้องเป็นแม่มดขาว(ซาตาน) โดยอัสลานยื่นข้อเสนอนี้แก่แม่มดขาวเอง เขายินดีตายเพื่อไถ่บาปคนอื่น

ภาพการเดินขึ้นบันไดไปตายของอัสลานนั้น แทบจะเป็นภาพเดียวกันในสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้รับ พระองค์ไม่ได้โดนบังคับ แต่พระองค์เต็มใจรับทรมานและสละชีวิตนั้น

ยน 10:17
พระบิดาทรงรักเรา
เพราะเราสละชีวิตของเรา
เพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก
ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้
แต่เราเองสมัครใจสละชีวิตนั้น
เรามีอำนาจที่จะสละชีวิตของเรา
และมีอำนาจที่จะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก
นี่คือพระบัญชาที่เราได้รับจากพระบิดาของเรา

เมื่อพระเยซูยอมรับความตาย ทรงถูกสบประมาทถูกเยาะเย้ย อัสลานถูกตบตี ถูกทึ้งขน ทำให้อับอาย ถูกมัด และตัวอัสลานเองก็หวาดกลัวและทรมาณกับการโดนทารุณกรรมและความตายนี้

และคำหนึ่งที่แม่มดขาวตะโกนออกมาต่อประชาชนของนางก่อนจะฆ่าอัสลานนั้นคือคำว่า

จงดู! ราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่!

ซึ่งเป็นคำเดียวกันกับที่ปิลาตตะโกนบอกประชาชนเมื่อจะประหารพระเยซูว่า

จงดู! ชายผู้นี้

เมื่ออัสลานตายสิ่งที่น่าสังเกตุอย่างมากคือลูอิสจงใจให้ "ผู้หญิง2คน" มาเป็นพยานในการกลับคืนชีพของอัสลาน และภาพการกลับคืนชีพของอัสลาน ที่อยุ่ๆแผ่นดินไหว แท่นบูชายัญหัก ศพหายไป แต่ปรากฎตัวใหม่ในเวลาเช้าตรู่ แต่สตรีทั้งสองกลับไม่เห็นศพ แต่เห็นเมื่อกลับคืนชีพแล้วอย่างรุ่งโรจน์ ลองอ่านเทียบกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลบทนี้ดู

มธ 28:1
หลังจากวันสับบาโตเช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์ มารีย์ชาวมักดาลาและมารีย์อีกผู้หนึ่งไปดูพระคูหา บัดนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงจากสวรรค์เข้าไปกลิ้งหินออกและนั่งบนหินนั้น ใบหน้าของทูตสวรรค์แจ่มจ้าเหมือนสายฟ้า อาภรณ์ขาวราวหิมะ ทหารยามตกใจกลัวทูตสวรรค์จนตัวสั่นหน้าซีดเหมือนคนตาย ทูตสวรรค์กล่าวแก่สตรีทั้งสองคนว่า “อย่ากลัวเลย ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านกำลังมองหาพระเยซู ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ เพราะทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วตามที่ตรัสไว้ มาซิ มาดูที่ที่เขาวางพระองค์ไว้ แล้วจงรีบไปบอกบรรดาศิษย์ว่า ‘พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว พระองค์เสด็จล่วงหน้าท่านไปในแคว้นกาลิลี ท่านจะพบพระองค์ที่นั่น’ นี่คือข่าวดีที่ข้าพเจ้าแจ้งแก่ท่าน” สตรีทั้งสองคนมีทั้งความกลัวและความยินดีอย่างยิ่ง รีบออกจากพระคูหาวิ่งไปแจ้งข่าวแก่บรรดาศิษย์ของพระองค์ ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาพบสตรีทั้งสองคน ตรัสว่า “จงยินดีเถิด” ทั้งสองคนจึงเข้าไปใกล้ กอดพระบาทนมัสการพระองค์

นอกจากนี้อัสลานยังมีคำพูดทิ้งท้ายที่ว่า แม่มดขาวไม่เข้าใจความหมายแท้จริงของการเสียสละของอาถรรพ์ล้ำลึก จึงคิดว่าการฆ่าอัสลานหมายถึงนางชนะ

ซึ่งก็ตรงกับพระคัมภีร์อีกครั้ง

1คร 2:7
แต่เรากล่าวถึงพระปรีชาญาณ ของพระเจ้า เป็น ธรรมล้ำลึกอันซ่อนเร้นซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดล่วงหน้าไว้ก่อนปฐมกาลสำหรับสิริรุ่งโรจน์ของเรา ไม่มีผู้ปกครองโลกนี้ผู้ใดล่วงรู้พระปรีชาญาณนี้ เพราะถ้าเขารู้ เขาคงไม่ตรึงกางเขนองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน