Q:สัญลักษณ์เลข 666 มาจากไหน

A: 666 หรือสัญลักษณ์ของสัตว์ร้ายนั้นมาจากพระคำภีร์บทนี้

วว 13:11-18
ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากพื้นดิน มีสองเขาเหมือนลูกแกะ พูดเหมือนมังกร มันใช้อำนาจทั้งหมดของสัตว์ร้ายตัวแรก เมื่อสัตว์ร้ายตัวนี้ทำให้แผ่นดินและผู้อาศัยบนแผ่นดินกราบนมัสการสัตว์ร้ายตัวแรกที่มีบาดแผลฉกรรจ์ถึงตายแต่หายแล้ว สัตว์ร้ายตัวที่สองนี้ทำปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่ แม้กระทั่งไฟมันก็ทำให้ตกจากท้องฟ้าลงบนแผ่นดินต่อหน้ามนุษย์ได้ มันใช้ปาฏิหาริย์ที่มันได้รับอำนาจให้ทำได้เมื่อสัตว์ร้ายตัวแรกหลอกลวงผู้อาศัยบนแผ่นดินให้หลงไป โดยชักชวนเขาให้สร้าง รูปปั้นถวายแด่สัตว์ร้ายที่ยังมีชีวิตอยู่แม้ถูกดาบฟันเป็นแผลฉกรรจ์แล้ว สัตว์ตัวที่สองนี้ได้รับอำนาจให้ชีวิตแก่รูปปั้นของสัตว์ร้ายตัวแรก เพื่อให้รูปปั้นนั้นพูดได้ และได้รับอำนาจประหารชีวิตทุกคนที่ไม่ยอมกราบนมัสการรูปปั้นของสัตว์ร้าย สัตว์ร้ายตัวที่สองนี้บังคับทุกคน ทั้งผู้น้อย ผู้ใหญ่ ทั้งคนมั่งมีและคนยากจน ทั้งคนอิสระและทาส ให้สักตราไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผาก ไม่มีใครซื้อขายได้ ถ้าไม่มีตราคือนามของสัตว์ร้ายหรือจำนวนเลขของนามนั้น ดังนั้น จำเป็นต้องมีปรีชาญาณ ผู้มีปัญญาจงตีความจำนวนเลขของสัตว์ร้ายให้ได้ เพราะมันเป็นจำนวนเลขที่หมายถึงมนุษย์คนหนึ่ง จำนวนเลขนั้นคือ 666

----------------------------------------------------------------------------------------------------

แต่เลข 666 นั้นก็เป็นสัญลักษณ์อีกเหมือนกันซึ่งก็มีการตีความหลากหลายกันไปมีทั้งแปลออกมาได้เป็น Computer , บาร์โค้ด ฯลฯ ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเพราะในอนาคตอันใกล้นี้มนุษย์จะไม่ต้องพกบัตรเครติดหรือบัตรประจำตัวแล้ว เพราะเรากำลังมีสิ่งที่เรียกว่าไมโครชิพ(mocrochip) (อ้างอิง http://www.imf.org/external/np/exr/facts/sdr.HTM )

วันที่ 31 มีนาคม 1969 ธนาคารโลกหรือ IMF ได้ประกาศระบบแลกเปลี่ยนเงินตราแบบใหม่โดยไม่ผูกกับธนบัตรหรือทองคำ แต่ไปผูกกับระบบเครติดใหม่โดยใช้ตัวเลขชื่อว่าระบบ S.D.R (Special Drawing Right)
ในปี 1976 SDR ได้เริ่มดำเนินการโดยใช้ทองคำสำรองการเงินซึ่งระบบนี้ประกอบขึ้นโดยใช้หมายเลขซึ่งในหนังสือคอมพิวเตอร์ระหว่างนานาชาติจะกำหนดเดบิตและเครติต(รายรับรายจ่าย)ของสมาชิกแต่ละชาติ ซึ่งระบบเงินตราแบบใหม่นี้ เพื่อจะใช้ได้ในระดับส่วนบุคคล มีความจำเป็นจะต้องประกอบไปด้วย

1. รหัสระหว่างนานาชาติของผลิตภัณฑ์(บาร์โค้ด)

บาร์โค้ดของสิ้นค้านั้นทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ซื้อขายของ ทั่วโลก จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันดังนี้

และแน่นอน แถบกลางที่เป็นเส้นคู่แบบนี้ || เมื่อถอดใน Computer แล้วก็จะอ่านได้เป็นเลข 6 เป็นเหมือนกันกับสินค้าทุกชนิดทั่วโลก(ไม่เชื่อลองเอาบาร์โค้ดของสินค้าที่ซื้อมาเทียบดูจะมีเส้นที่เหมือนกันทุกอันคือเส้นของเลข 666)

2.เครื่องคอมพิวเตอร์

ไม่ว่าจะซื้อเข้าหรือขายออกจำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์

3.S.D.R

จำเป็นที่ S.D.R ต้องถูกนำมาใช้ มิใช่แค่ภายในประเทศใด้ประเทศหนึ่งเท่านั้นแต่ต้องเป็นในระดับส่วนบุคคลด้วย(รายบุคคล)และใช้ทั่วโลก

4.หมายเลขบัญชีประจำตัว

แต่ละบุคคลต้องได้รับหมายเลขประจำตัวซึ่งเป็นเลขบัญชีเฉพาะตัวเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์นานาชาติ

5.หมายเลขที่ประทับลงบนมือขวาหรือหน้าผาก

เป็นเรื่องจำเป็นที่ไมโครชิพจะต้องประทับลงบนมือขวาหรือหน้าผากโดยแสงเลเซอร์ซึ่งจะไม่เจ็บและตาเปล่ามองไม่เห็น

Dr.Carl W.Sanders นักประดิษฐ์วิชาการและที่ปรึกษาขององค์กรรัฐบาล IBM General Electric,Honeywell และ Teledyne กล่าวว่า

"การฝังไม่โครชิพนั้นต้องอาศัยพลังงานในการชาร์จไฟ ซึ่งการจะฝังในร่างกายมนุษย์นั้นไม่สามารถที่จะนำออกมาชาร์จไฟได้ เราจึงต้องอาศัยการเปลี่ยนอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์ซึ่งจะต้องต่อวงจรของชิพให้มีการชาร์จไฟทุกครั้งที่อุณหภูมิของร่างกายเปลี่ยนอุณหภูมิ ได้มีการใช้เงินไปถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ในการค้นหาจุดของร่างกายที่มีการเปลี่ยนอุณหภูมิที่เร็วที่สุดซึ่งเหมาะแก่การฝังไมโครชิพคือที่ หน้าผาก และ หลังข้อมือ "

Dr.Carl W.Sanders ยังกล่าวอีกว่า "ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมการประชุม One World เป็นจำนวน 17 ครั้งซึ่งได้มีการถกเถียงกันเรื่องไมโครชิพ การประชุมที่บรัสเซลล์และลักเซมเบิร์ก พยายามโยงการเงินของโลกเข้ามาอ้าง ขณะนี้กำลังมีพระราชบัญญัติเข้าสภา Congress ว่าจะอนุญาติให้ฝังไมโครชิพในทารกแรกเกิดด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสำหรับข้อมูลประจำตัว "


นั่นทำให้เรายิ่งระลึกถึงคำทำนายที่ว่า

" สัตว์ร้ายตัวที่สองนี้บังคับทุกคน ทั้งผู้น้อย ผู้ใหญ่ ทั้งคนมั่งมีและคนยากจน ทั้งคนอิสระและทาส ให้สักตราไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผาก ไม่มีใครซื้อขายได้ ถ้าไม่มีตราคือนามของสัตว์ร้ายหรือจำนวนเลขของนามนั้น ดังนั้น จำเป็นต้องมีปรีชาญาณ ผู้มีปัญญาจงตีความจำนวนเลขของสัตว์ร้ายให้ได้ เพราะมันเป็นจำนวนเลขที่หมายถึงมนุษย์คนหนึ่ง จำนวนเลขนั้นคือ 666"