ผู้มีความศรัทธาไม่ถูกต้องในทุกวันนี้
สภาสังคายนาวาติกันที่
2 สำนึกว่า ในทุกวันนี้ยังมีคริสตชนที่มีความศรัทธาต่อพระนางมารีย์อย่างไม่ถูกต้อง
จึงรู้สึกจำเป็นที่จะเตือนเขาว่า
บรรดาสัตบุรุษพึงสังวรไว้ว่า
ความศรัทธาภักดีที่แท้หาใช่อยู่ที่ความรู้สึกอันไร้ผล และเป็นของชั่วครู่ชั่วยาม
ทั้งพึงระวังความเชื่อง่ายอันไร้สาระ แต่ความศรัทธาภักดีที่แท้นั้นพาให้ชาวเรามารู้จักเกียรติศักดิ์อันสูงส่งของพระมารดาพระเจ้า
และผลักดันเราให้มีความรักประสาลูกต่อพระมารดาของเรา และกระตุ้นให้เราเอาอย่างคุณธรรมต่าง
ๆ ของพระแม่เจ้าด้วย (พระธรรมนูญว่าด้วยพระศาสนจักร ข้อ 67)
จนถึงวันนี้ยังมีสัตบุรุษที่รู้สึกซาบซึ้งประทับใจต่อหน้ารูปแม่พระ
แต่ไม่ยอมละทิ้งบาปกลับใจ คนเหล่านี้ชอบร่วมพิธีกรรมหรือกิจศรัทธาที่ถวายเกียรติแด่พระนางมารีย์
แต่ไม่ค่อยชอบปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบัญญัติแห่งความรักต่อผู้อื่น
สภาสังคายนาเรียกความรู้สึกเช่นนี้ว่าเป็นความรู้สึกอันไร้ผลและชั่วครู่ชั่วยาม
เหมือนกับลมที่พัดมาอย่างแรงวูบหนึ่งแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม ในทำนองเดียวกันในสมัยนี้ยังมีผู้ที่มีความเชื่อง่ายอันไร้สาระในสิ่งที่อ้างว่าเป็นอัศจรรย์หรือการประจักษ์ของแม่พระ
เขาแสวงหาสิ่งประหลาดมหัศจรรย์และลืมพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ตรัสว่า ผู้ที่เชื่อทั้งๆ
ที่ไม่เห็นย่อมเป็นสุข (ยน.20:29)
ลักษณะเฉพาะของผู้มีความศรัทธาไม่ถูกต้องต่อพระนางมารีย์ในสมัยนี้
คือ ผู้ที่เลือกเชื่อความจริงเพียงบางประการที่พระเจ้าทรงเปิดเผยและละทิ้งบางอย่างตามใจชอบ
ราวกับเลือกของในซุปเปอร์มาเก็ต บางคนเลือกที่จะถวายคารวะกิจต่อพระนางมารีย์น้อยที่สุดเพราะคิดว่าพระเยซูเจ้าทรงหวงแหนภารกิจของพระองค์
ไม่ทรงยอมให้ใครมาร่วมมือกับพระองค์ แท้จริงแล้วพระวาจาของพระเจ้าเกี่ยวกับพระนางมารีย์แสดงว่าพระนางทรงได้รับภารกิจจากพระเยซูเจ้าอย่างชัดเจน
ตรงกันข้ามบางคนเลือกที่จะถวายคารวะกิจต่อพระนางมารีย์มากที่สุดจนลืมไปว่าพระคริสตเจ้าแต่ผู้เดียวทรงเป็นพระผู้ไถ่ผู้ทรงเรียกร้องให้เราดำเนินชีวิตตามคำสัญญาเมื่อรับศีลล้างบาป
ส่วนพระนางมารีย์ทรงเป็นเพียงมนุษย์ที่พระเจ้าทรงยกย่อง และเราจึงถวายคารวะกิจแด่พระนาง
พยายามดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระนาง