บรรดาเทวดาที่อยู่ไกลโพ้น

บรรดานักบุญต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า อารักขเทวดาของเราอยู่เคียงข้างเราแม้กระทั่งเวลาที่เราตกอยู่ในไฟชำระเพื่อให้ความบรรเทาใจแก่เรา ตามที่นักบุญเอากุสตินสอน ( บทเทศน์ 46) นักบุญ ฟรังเชสกา โรมานา กล่าวว่า “ เมื่อคนเราตายไปอารักขเทวดาจะพาวิญญาณของเขาไปยังไฟชำระแล้วจะอยู่ทางเบื้องขวาของเขา … เทวดาจะถวายคำภาวนาที่มีคนภาวนาให้เขาแด่พระเป็นเจ้าพร้อมกับกราบวอนขอให้ทรงตัดโทษทัณฑ์ของเขาให้สั้นลง ” นักบุญมารีอา มักดาเลนา เด ปัสซี จิตวิญญาณของเธอได้ล่องลอยไปถึงมุมหนึ่งของไฟชำระและก็ได้เห็นว่าวิญญาณทั้งหลายต่างก็อยู่ใกล้ชิดกับอารักขเทวดาของตนเพื่อรับความบรรเทาใจ นักบุญมาร์การิตา มารีอา อาลาก๊อก และนักบุญองค์อื่นๆ ต่างก็เห็นแบบเดียวกันนี้

เช่นเดียวกันอารักขเทวดาของเราจะเตือนเราให้ภาวนาอุทิศให้แก่พี่น้องของเราที่ได้สิ้นชีพไปแล้วหรือให้แก่วิญญาณในไฟชะระทั่วๆไปด้วย เพราะว่านี่เป็นกิจเมตตาที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง นักบุญเวโรนีกา ยูลีอานี เขียนไว้ในสมุดบันทึกของท่านว่า “ เช้าวันหนึ่งอารักขเทวดาของดิฉันได้ขอร้องดิฉันให้ถวายกิจการงานที่ดีงามของดิฉันในความสนิทสัมพันธ์กับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าและของพระมารดามารีอาแด่วิญญาณในไฟชำระ … ผลที่ตามมาคือดิฉันได้เห็นวิญญาณทั้งหลายต่างพ้นจากโทษทัณฑ์ มีความสวยงามและความรุ่งเรือง ”

ข้ารับใช้ของพระเจ้า เปโตร เด บาสโก (+1645) กล่าวว่าคืนหนึ่งท่านลืมที่จะสวดให้วิญญาณในไฟชำระ อารักขเทวดาของท่านได้ปลุกท่านพร้อมกับกล่าวว่า “ ที่รัก วิญญาณในไฟชำระต่างพากันรอคอยความช่วยเหลือจากเจ้าและความเห็นอกเห็นใจจากเจ้าอยู่ ” ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมในขณะที่คนเรากำลังเข้าตรีทูตอยู่นั้นอารักขเทวดาจะเพิ่มพลังเป็นสองเท่าในการเตรียมตัวให้แก่ผู้ที่ท่านได้รับมอบหมายหรือแม้กระทั่งคนอื่นๆด้วย

นักบุญฟาวส์ตีนา โกวาลสกา เขียนไว้ในสมุดบันทึกของท่านหลายตอนว่าอารักขเทวดาของเธอได้ดลใจเธอให้สวดภาวนาแก่ผู้ที่กำลังเข้าตรีทูต วิงวอนขอพระเมตตาจากพระเยซูเจ้าดังที่พระองค์ได้ทรงสอนเธอ เพื่อช่วยวิญญาณให้ได้รับความรอด กล่าวว่า “ ในรูปแบบที่เป็นธรรมล้ำลึกองค์พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดทำให้ดิฉันทราบว่า ในเวลาเข้าตรีทูตนั้นวิญญาณมีความต้องการคำภาวนาจากดิฉันและอารักขเทวดาก็บอกดิฉันเช่นเดียวกันนี้ ” (11,215)

โดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าพอที่จะเล่าเหตุการณ์เหลือเชื่อต่างๆที่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือที่ได้ยินมาจากเพื่อนพระสงฆ์ว่ามีหลายคนที่ตกอยู่ในสภาพเข้าตรีทูตเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อรอพบพระสงฆ์ที่ออกเยี่ยมพวกเขาในสถานที่ไกลโพ้น ในสถานที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและหลังจากที่ได้รับศีลเจิมฯและศีลเสบียงแล้ว พวกเขาก็ได้ตายในความสงบ ทั้งนี้เพราะว่าพวกเขาได้เตรียมตัวมาเป็นเวลานานแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรอพระสงฆ์ให้มาหาพวกเขาเพื่อจะได้ตายอย่างดีและนี่ก็คือพระพรพิเศษที่พระเป็นเจ้าประทานให้แก่พวกเขา ในบางกรณีเป็นอารักขเทวดาของพวกเขาเองที่ก่อให้เกิดความบังเอิญนี้คือการที่ให้มีพระสงฆ์บางองค์มาพบกับคนป่วย

มีเรื่องราวที่เป็นอัศจรรย์จริงๆที่ได้เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นที่ได้เกิดขึ้นระหว่างที่เกิดโรคระบาดขึ้นที่กรุงโรมในปี 1597 มีหนุ่มน่ารักคนหนึ่ง ได้ไปที่อารามของคุณพ่อคณะคามิลเลี่ยนเพื่อเชิญไปหาคนที่ได้รับโรคติดต่อนี้และทันทีที่พวกเขาไปถึงบ้านหลังนั้นเจ้าหนุ่มคนนั้นได้หายตัวไปแล้ว

เรื่องแบบนี้ได้เกิดขึ้นในที่หลายแห่งและได้รับการบอกเล่าจากบุคคลที่เชื่อถึงได้ทั้งนั้น อย่างเช่นเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นกับพระสงฆ์เยซูอิตองค์หนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ท่านได้รับเชิญจากหนุ่มที่แต่งตัวทะมัดทะแมงคนหนึ่งให้ไปเยี่ยมชายที่กำลังจะตายคนหนึ่งพร้อมกับยื่นที่อยู่ให้ คุณพ่อก็ได้ไปยังบ้านหลังดังกล่าวและได้พบชายคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพที่แข็งแรงดี ท่านคิดว่าคงจะเป็นการหลอกเล่น แต่ไหนๆก็ได้มาถึงบ้านของเขาแล้วก็ได้เขาไปพูดคุยกับชายคนนั้นพร้อมกับเตือนให้เขาแก้บาป ตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะรับศีลอภัยบาป เขาไม่ได้แก้บาปมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว แต่ทีละเล็กทีละน้อยชายคนนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนใจและยอมแก้บาปในที่สุด วันต่อมาคุณพ่อได้รับข่าวว่าชายคนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว มันเป็นความจริงเสียด้วย

คืนวันหนึ่ง ในปี 1575 พระสงฆ์องค์หนึ่งในคณะของนักบุญยวงแห่งอาวีลา ในประเทศสเปน ได้รับเชิญจากหนุ่มสองคนให้รีบไปช่วยชายคนหนึ่งที่กำลังจะตาย คุณพ่อได้เข้าวัดเพื่อเอาแผ่นศีลสองแผ่นเพื่อส่งให้คนป่วยหนึ่งแผ่นและอีกหนึ่งแผ่นจะให้แก่คนที่ท่านรู้จัก หนุ่มทั้งสองถือเทียนนำหน้า หลังจากที่คุณพ่อได้ส่งศีลให้คนป่วยแล้วก็กลับบ้านพร้อมกับแผ่นศีลอีกแผ่นหนึ่งที่ยังเหลืออยู่ หนุ่มทั้งสองก็ถือเทียนนำหน้าคุณพ่ออีกครั้ง เมื่อท่านหันกลับมาจะขอบใจพวกเขาก็ปรากฏว่าไม่เห็นเขาแล้ว เมื่อคุณพ่อเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้นักบุญยวงแห่งอาวีลาฟัง ท่านจึงตอบคุณพ่อว่า “ อย่าแปลกใจไปเลย นั้นเป็นเทวดาสององค์ที่พระเป็นเจ้าทรงส่งมาเพื่อประทานรางวัลให้แก่คุณพ่อที่ได้ปฏิบัติงานอภิบาลด้วยใจร้อนรน ” เป็นไปได้ไหมที่ทั้งสองเป็นอารักขเทวดาของคุณพ่อองค์หนึ่งและอีกองค์หนึ่งเป็นเทวดาของผู้ป่วยคนนั้น ?

คุณพ่อโอคี เดอ คอร์ก ประเทศไอร์แลนด์ เล่าเหตุการณ์อย่างหนึ่งให้ฟังว่า วันหนึ่งมีหนุ่มคนหนึ่งแต่งกายดีมาหาท่านเพื่อเชิญท่านให้ไปเยี่ยมหญิงคนหนึ่งที่กำลังจะตาย คุณพ่อก็ตามเขาไป เมื่อไปถึงที่หมายแล้ว หนุ่มคนนั้นก็หายตัวไป หญิงคนนั้นเล่าให้คุณพ่อฟังว่าเธอเคยทำงานในอารามแห่งหนึ่งและได้รับการสอนว่าให้เรียกหาอารักขเทวดาในเวลาที่มีความต้องการเร่งด่วน เธอก็ได้ทำเช่นนั้นและอารักขเทวดาของเธอก็ได้ไปเชิญคุณพ่อมาให้เธอเพื่อช่วยให้เธอได้ตายดี ดังนั้นขออย่าได้มีวันใดเบื่อหน่ายที่จะร้องเรียกหาความช่วยเหลือจากอารักขเทวดาของเราเลย พร้อมกับมอบช่วงเวลาสุดท้ายของเราไว้กับท่านด้วยโดยกล่าวว่า “ ข้าแต่อารักขเทวดาเพื่อนร่วมทางที่รักของข้าพเจ้า โปรดอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าอยู่คนเดียวในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเข้าตรีทูต ”

ท่านเคยสวดแบบนี้บ่อยแค่ไหน ?