อารักขเทวดา
ที่เรียกว่าอย่างนี้ก็เพราะว่าในเพลงสดุดีที่
99,11 กล่าวว่าเทวดาคุ้มครองทุกฝีก้าวของเรา ความศรัทธาต่ออารักขเทวดาช่วยให้เราเจริญก้าวหน้าในชีวิตฝ่ายจิต
ใครที่เรียกหาอารักขเทวดาของตนก็เป็นเหมือนกับผู้ที่ได้ค้นพบขอบฟ้าใหม่ที่มองไม่เห็นด้วยสายตาของมนุษย์
เทวดาเป็นเสมือนสวิทช์ไฟฟ้าที่ทำให้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยแสงสว่างของพระเจ้า
เทวดาจะช่วยเพิ่มพูนความรักของเราและช่วยเราให้รอดพ้นจากภยันตรายและความยากลำบากต่างๆมากมาย
คุณพ่อโดนาโต
จีเมเนส กล่าวว่า ในบ้านของผมเต็มไปด้วยความศรัทธาต่ออารักขเทวดา
ในห้องอ่านหนังสือจะมีรูปแผ่นใหญ่ของอารักขเทวดา เมื่อเราเข้านอนเราก็มองดูอารักขเทวดาของเราและก็ไม่ต้องคิดถึงอย่างอื่น
เรามีความรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้และมีความใกล้ชิดกับท่าน ท่านเป็นเพื่อนของผมทุกวันทุกคืน
ผมรู้สึกมีความมั่นคง มั่นคงทางด้านจิตวิทยาหรือ ? ใช่
มากยิ่งขึ้นมันเป็นเรื่องของศาสนา
เมื่อคุณแม่หรือพี่ชายของผมเข้ามาเพื่อดูว่าเราขึ้นเตียงนอนหรือยัง ? และดังนี้จึงเป็นธรรมเนียมของเราที่จะเห็นอารักขเทวดาเป็นผู้ร่วมทาง
เป็นเพื่อนและเป็นที่ปรึกษาที่พระเป็นเจ้าเองได้ทรงส่งมาให้ ทั้งหมดนี้หมายถึงเทวดา
ผมพูดได้เต็มปากว่า ผมรู้ไม่ใช่แต่โดยสัญชาตญาณหรือได้ยินในห้วงลึกของจิตใจของผมถึงอะไรบางอย่างที่เป็นเสมือนเสียงของท่านหลายต่อหลายครั้งเท่านั้น
แต่ยังมีความรู้สึกถึงมือที่อบอุ่นของท่านซึ่งจูงผมในหนทางแห่งชีวิตของผมอีกด้วย
ความศรัทธาต่อเทวดาเป็นความศรัทธาที่เกิดขึ้นในครอบครัวที่มีรากฐานของการเป็นคริสตัง
ทั้งนี้เพราะว่าอารักขเทวดาไม่ได้เป็นแฟชั่นแต่เป็นความเชื่อ
เราแต่ละคนต่างก็มีเทวดาด้วยกันทั้งนั้น
ดังนั้นเวลาที่พูดคุยกับคนอื่นก็จงคิดถึงเทวดาของเขาด้วย เวลาที่อยู่ในรถ
บนเรือหรือบนเครื่องบิน
หรือเดินไปตามถนนก็จงคิดถึงเทวดาที่อยู่รอบๆตัวเรา
เพื่อจะได้ส่งยิ้มให้ เพื่อจะได้ทักทายด้วยความรักและความเห็นอกเห็นใจ
เป็นการดีที่เราจะคิดถึงเทวดาของผู้ที่อยู่รอบข้างเรา แม้แต่คนป่วย ท่านต่างก็เป็นของเราทั้งนั้น
พวกท่านก็มีความดีใจที่มีมิตรภาพกับเราและให้ความช่วยเหลือแก่เรามากกว่าที่เราคิดเสียอีก
ช่างเป็นความสุขใจเสียจริงๆที่ได้รู้จักรอยยิ้มและมิตรภาพของท่าน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ท่านจงคิดถึงอารักขเทวดาของคนที่อยู่ใกล้ๆตัวเรา พร้อมกับทำตัวของเราให้เป็นเพื่อนกับพวกท่าน
แล้วเราจะได้รับความสุขและความช่วยเหลือจากท่านเป็นอย่างมาก
ข้าพเจ้ายังจำสิ่งที่นักบวชหญิงคนหนึ่งที่เขาถือว่าเป็น
นักบุญ เขียนมาหาข้าพเจ้า เธอพบปะกับอารักขเทวดาของเธอบ่อยครั้ง
ครั้งหนึ่งมีใครบางคนที่ส่งอารักขเทวดาของตนไปหาเธอเพื่ออวยพรวันเกิดให้เธอและเธอก็ได้เห็นท่าน
เป็นความสวยงามที่มีแสงเปล่งปลั่ง ในมือถือดอกกุหลาบแดงอันเป็นดอกไม้ที่เธอโปรด
เธอบอกว่า เทวดารู้ได้อย่างไรว่านั่นเป็นดอกไม้ที่ดิฉันโปรดปราน
? ดิฉันทราบดีว่าเทวดารู้ทุกสิ่งทุกอย่าง นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดิฉันมีความหวังดีต่อเทวดาที่ถูกส่งมาหาดิฉันมากยิ่งขึ้นและดิฉันทราบว่ามันเป็นอะไรบางอย่างที่พิเศษสุดที่จะมีมิตรไมตรีกับบรรดาเทวดาของเพื่อนๆเรา
ของผู้ที่เรารู้จักและของผู้ที่อยู่รอบข้างเรา
ครั้งหนึ่งมีหญิงชราคนหนึ่ง
พูดกับมองซิงญอร์ จัง กัลเว ผู้อำนวยการแผนกวรรณคดีศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคาทอลิกแห่งกรุงปารีสว่า
- สวัสดีค่ะ ท่านผู้อำนวยการและสหายของท่าน
-
ผมอยู่ที่นี่คนเดียวนะครับ ?
-
แล้วท่านเอาอารักขเทวดาของท่านไปทิ้งไว้ที่ไหนล่ะ ?
เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับนักเทววิทยาที่จมอยู่ในกองหนังสือแต่กลับลืมความจริงที่พิเศษสุดฝ่ายจิต
ในเรื่องนี้พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ คุณพ่อจัง
เอดัวร์ ลามี ( 1853-1931) กล่าวว่า
เราไม่ได้ภาวนาถึงอารักขเทวดาของเราอย่างเพียงพอ เราต้องวอนขอท่านในทุกเรื่องและอย่าลืมว่าท่านอยู่กับเราตลอดเวลา
ท่านเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา ท่านเป็นผู้คุ้มครองที่ดีที่สุดและเป็นมิตรที่ดีที่สุดในการรับใช้พระเป็นเจ้า
ท่านยังบอกอีกว่าในระหว่างสงครามท่านต้องออกไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่อยู่แนวหน้า
บางครั้งท่านถูกเทวดาพาตัวไปจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งเพื่อจะสามารถทำพันธกิจของท่านได้อย่างดี
เป็นเรื่องแบบเดียวกับที่ได้เกิดขึ้นกับอัครสาวกฟีลิปที่ถูกเทวดาของพระเจ้าพาตัวไป
( กจ . 8,39) และประกาศกฮาบากุกที่ถูกนำตัวไปจนถึงบาบิโลนใกล้กรงสิงโตที่ดาเนียลอยู่
( ดนล . 14,36)
เพราะเหตุนี้เองเราจึงควรขอให้อารักขเทวดาของเราช่วยเหลือเรา
ไม่ว่าเราจะทำงาน เรียนหรือเดินทาง เราควรขอให้อารักขเทวดาของเราไปเยี่ยมพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทแทนตัวเรา
ดังที่นักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายท่านทำกัน ข้าแต่อารักขเทวดา
กรุณารีบไปหาพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทในตู้ศีลและสวัสดีพระองค์แทนดิฉันด้วย
ขอให้ท่านวิงวอนหรือเฝ้าพระองค์แทนตัวเราในเวลากลางคืน ณ ตรงที่ใกล้ตู้ศีลที่สุด
หรือขอให้ท่านช่วยขอให้เทวดาองค์ใดองค์หนึ่งที่อยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทตลอดเวลาให้กราบนมัสการพระองค์แทนตัวเรา
ลองหลับตาคิดดูซิว่าเราจะได้รับพระพรมากมายสักเพียงใดจากพระเยซูเจ้า
ถ้าหากว่าเรามีเทวดาองค์หนึ่งที่กราบนมัสการพระองค์ตลอดเวลาแทนเรา ? จงวอนขอพระพรประการนี้จากพระเยซูเจ้า
ถ้าหากว่าเรากำลังเดินทางอยู่ก็จงมอบตัวของเราไว้กับบรรดาเทวดาของผู้โดยสารทั้งหลาย
ฝากตัวของเราไว้กับบรรดาเทวดาของวัดหรือของเมืองต่างๆที่เราเดินทางผ่าน
พร้อมกับฝากตัวของเราไว้กับเทวดาของผู้ขับรถด้วย เพื่อว่าเราจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ
เรายังสามารถทำแบบเดียวกันนี้กับเทวดาของผู้ขับเรือโดยสาร ของพนักงานขับรถไฟหรือนักบิน
จงทักทายและสวดขอเทวดาของเราให้ไปเยี่ยมคนที่เรารู้จักแทนเรา รวมไปถึงผู้ที่อยู่ในไฟชำระด้วย
เพื่อขอให้พระเป็นเจ้าอวยพรพวกเขา
ถ้าหากว่าเราจะต้องรับการผ่าตัดก็จงวิงวอนเทวดาของผู้ที่ทำการผ่าตัด
ของพยาบาลและของผู้ที่เฝ้าดูแลเรา วิงวอนเทวดาประจำบ้านของเรา ของพ่อ -
แม่เราและของผู้ร่วมงานกับเรา ทั้งที่อยู่บ้านและอยู่ในที่ทำงาน ถ้าหากว่าพวกเขาอยู่ห่างไกลหรือไม่สบายก็จงส่งอารักขเทวดาของเราไปให้ความบรรเทาใจแก่พวกเขา
ในกรณีที่ตกอยู่ในอันตรายเช่นแผ่นดินไหว
หรือถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายหรือโจรผู้ร้าย ก็จงส่งอารักขเทวดาของเราไปให้ความคุ้มครองให้แก่พี่น้องของเราหรือคนที่เรารู้จัก
เวลาที่เราจะต้องเจรจาเรื่องที่สำคัญกับคนอื่นก็จงวอนขอเทวดาของเขาให้เตรียมจิตใจของเขาให้เห็นอกเห็นใจเรา
ถ้าหากว่าเราต้องการให้คนใดคนหนึ่งในครอบครัวของเรากลับใจ ก็จงภาวนามากๆแต่ในเวลาเดียวกันก็อย่าได้ลืมอารักขเทวดาของเขา
ถ้าหากว่าเราเป็นอาจารย์สอนก็จงวิงวอนเทวดาของนักศึกษาของเราให้ช่วยพวกเขาให้รู้จักตั้งใจฟังและเข้าใจบทเรียน
แม้แต่พระสงฆ์เองก็ควรวิงวอนเทวดาของสัตบุรุษของท่านให้ช่วยพวกเขาเวลาที่พวกเขาร่วมถวายบูชามิสซา
เพื่อพวกเขาจะได้เข้าใจบูชายัญและพระพรต่างๆของพระเป็นเจ้าได้อย่างดีกว่า
และก็อย่าลืมเทวดาประจำวัด ประจำเมืองและประจำประเทศของเราด้วย
กี่ครั้งกี่หนแล้วที่อารักขเทวดาของเราได้ช่วยเราให้รอดพ้นจากอันตรายที่รุนแรงทั้งฝ่ายกายและฝ่ายวิญญาณโดยที่เราไม่รู้เลย
?