ไม่มีบาปใดจะถูกปกปิดจากสายพระเนตรของพระเจ้าได้

บ่อยครั้งที่คุณพ่อปีโอล่วงรู้ในบางเหตุการณ์ที่ผู้สารภาพบาปตั้งใจจะปกปิด อัลเบิร์ด คาร์โดเน รู้จักคุณพ่อปีโอจากคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๔๔ ขณะเขาอายุ ๑๘ ปี คาร์โดเน่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อเพื่อน เพราะเธอยังมีชีวิตอยู่ในขณะที่เขาได้เล่าเรื่องนี้ในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๐ เธอเล่าว่า “ดิฉันได้ไปแก้บาปกับคุณพ่อปีโอ เมื่อบอกบาปเสร็จ ก่อนคุณพ่อจะโปรดบาปให้ คุณพ่อพูดว่า ‘ขอให้คิดว่ามีบาปอื่นอีกหรือไม่?' สตรีท่านนั้นยืนยันว่า ‘คุณพ่อคะ ดิฉันคิดว่าได้บอกบาปทุกข้อที่ได้พิจารณาและคิดว่าได้สารภาพบาปทุกข้อครบแล้วค่ะ' คุณพ่อปีโอจึงพูดว่า ‘ถ้าเช่นนั้นขอให้ลูกเดินไปที่เชิงไม้กางเขนบนภูเขา แล้วสวดบทวันทามารอา และบทข้าแต่พระบิดา อย่างละ ๑๕ บท' กิจใช้โทษบาปไม่ใช่เป็นภาวนา แต่เป็นหนทางยากลำบากที่ต้องเดินขึ้นไปบนภูเขา เนื่องจากถนนไม่ดีเลย เมื่อเธอทำตามแล้ว ก็ได้กลับมาพบคุณพ่อปีโออีกครั้งและ คุณพ่อได้ถามอีกว่า “เวลานี้ลูกจำบาปที่ลืมได้แล้วหรือยัง?” เธอกลับยืนยันอีกว่า “แต่คุณพ่อคะ ลูกได้บอกบาปทุกๆ ข้อครบถ้วนแล้วค่ะ” คุณพ่อปีโอจึงเตือนว่า “ยังไม่ครบ ลูกยังไม่ได้บอกบาปบางข้อ ขอให้ลูกเดินขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง” เธอทำตามเป็นครั้งที่สอง และเมื่อยังนึกบาปที่ได้ลืมไปไม่ออกอยู่อีก เธอก็ต้องขึ้นไปบนภูเขาเป็นครั้งที่สาม เมื่อเธอกลับมายังที่แก้บาป คุณพ่อปีโอถามซ้ำว่า “ตอนนี้ลูกนึกออกหรือยังว่ายังไม่ได้สารภาพบาปข้อใด?” คาร์โดเน่ตอบว่า “ไม่มีค่ะ คุณพ่อ ลูกไม่มีบาปข้อใดจะสารภาพอีก” คุณพ่อปีโอจึงพูดด้วยน้ำเสียงดังว่า “ลูกหมายความว่าอะไร ลูกจำไม่ได้เลยหรือ? ลูกไม่รู้หรอกหรือว่าเขาอาจจะเป็น พระสงฆ์ พระสังฆราช หรือแม้แต่จะเป็นพระคาร์ดินัลได้?” เธอทำหน้างง และคิดทบทวนสักพักหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มร้องไห้และพูดว่า “คุณพ่อคะ ลูกไม่เคยทราบว่าการทำแท้งเป็นบาป” คุณพ่อปีโอพูดต่อว่า “เป็นไปได้อย่างไรกันที่ลูกไม่รู้ว่าการทำแท้งเป็นบาป มันเป็นฆาตกรรมนะ” เธอจึงกล่าวต่อไปว่า “ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากดิฉันและแม่ แล้วคุณพ่อทราบได้อย่างไรว่าเขาอาจเป็นพระสงฆ์หรือพระคาร์ดินัลได้?” คุณพ่อปีโอเลี่ยงตอบไปว่า “การทำแท้งเป็นบาป และเป็นบาปหนักด้วย”

ครั้งหนึ่งชายคนหนึ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยาได้ไปสารภาพบาปกับคุณพ่อปีโอและใช้คำพูดเลี่ยงว่า “มีวิกฤติด้านจิตวิญญาณ” คุณพ่อปีโอผุดลุกขึ้นอย่างเร็ว และตะโกนด้วยความตกใจว่า “วิกฤติด้านจิตวิญญาณในเรื่องอะไร? คุณได้ทำบาปหนักและพระเป็นเจ้าทรงเคืองพระทัยอย่างมาก ไปให้พ้น!”

อีกครั้งหนึ่งคุณพ่อปีโอทำให้ เด็กหญิง มารีเอลลา ลอตติ ชาวเมืองโคเซนซา อายุ ๑๒ ปี ที่มาสารภาพบาปต้องตกใจเมื่อคุณพ่อพูดกับเธอว่า “ไปซะ พ่อโปรดบาปให้ลูกไม่ได้ ลูกไม่ค่อยไปฟังมิสซาในวันอาทิตย์ และไม่สนใจเรียนคำสอน เพราะพ่อแม่พาลูกไปที่อื่น หากพ่อฟังลูกสารภาพบาปเบา ที่เคยแก้เป็นประจำ ลูกก็จะละเลยไม่ใส่ใจในบาปสำคัญๆ แล้วก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร”

คุณพ่อโดมินิกได้เล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งว่า เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ค.ศ. ๑๙๔๙ มีชายสามคนมารอพบคุณพ่อปีโอที่ห้องแต่งตัวพระสงฆ์เพื่อขอให้คุณพ่อปีโอฟังสารภาพบาป คุณพ่อได้พูดว่า “กลับบ้านไป พิจารณาบาปให้ดีเป็นทุกข์ถึงบาปที่ได้กระทำอย่างแท้จริง แล้วค่อยกลับมาแก้บาป” ชายคนหนึ่งกล่าวกับเพื่อนว่า “ ผมสงสัยว่าผมได้ทำอะไรลงไป เหตุใดผู้ฟังแก้บาปจึงรู้ก่อนที่ผมจะอ้าปากพูดเสียอีก!”

บางครั้งมีผู้มาขอแก้บาปกับคุณพ่อปีโอโดยไม่ได้นัดล่วงหน้าคุณพ่อปีโอ มานดาโต พระสงฆ์คณะฟรันซิสกัน จากเมืองยอนเคอร์ รัฐนิวยอร์ค ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดที่ปีเอเตรลชีนา ในเดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๙๘๙ เมื่อ “พระสงฆ์ผู้สูงอายุ” ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องนี้ได้มาขอแก้บาปกับคุณพ่อปีโอ และ หลายปีก่อนได้กล่าวหาว่าคุณพ่อปีโอเป็น “พระสงฆ์กำมะลอ” วันหนึ่งน้องเขยของคุณพ่อมานดาโตชวนท่านให้ไป ซาน โจวันนี ด้วยกัน คุณพ่อมานดาโตปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า “ไม่มีเงินค่ารถ และคุณก็รู้ดีว่าพ่อไม่ศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่อปีโอเลย” เมื่อน้องเขยอาสาจะจ่ายค่าเดินทางให้ ผู้ช่างสงสัยจึงตอบตกลงที่จะร่วมเดินทางไปด้วย

หลังมิสซา คุณพ่อมานดาโต “หมดข้อสงสัย” และได้ขอพบคุณพ่อปีโอ เมื่อทราบว่าต้องรับ “บัตรคิว” และรออีกหลายวันคุณพ่อจึงเดินฝ่าสัตบุรุษเข้าไปยังห้องแต่งตัวพระสงฆ์ คุณพ่อปีโอกำลังนั่ง มือทั้งสองปิดหน้า และอยู่ในภวังค์แห่งการภาวนา คุณพ่อมานดาโต ยืนรออยู่ในความสงบหลายนาที ก่อนจะพูดออกไปว่า “คุณพ่อครับ ผมมาขอพบคุณพ่อ” โดยที่ไม่ได้หันมาดูหรือเปลี่ยนอิริยาบท คุณพ่อปีโอเรียกชื่อคุณพ่อมานดาโตและพูดว่า “ผมกำลังรอพบคุณพ่ออยู่ คุณพ่อไม่เชื่อว่าผมเป็นสงฆ์ของพระเป็นเจ้าไม่ใช่หรือ?” ผู้ที่เคยเป็นคนช่างสงสัยรู้สึกสับสนว่าคุณพ่อปีโอทราบได้อย่างไรว่าเขาคิดอย่างไรกับคุณพ่อ เขาจึงขอสารภาพบาปกับคุณพ่อปีโอ


คุณพ่อปีโอเป็นผู้หนึ่งที่รู้กันว่าถวายมิซซาอย่างตั้งใจและสุภาพนอบน้อมมาก จากรูปเหล่านี้แม้ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่เราได้เห็นดวงตาอันมุ่งมั่นและท่าทีที่อ่อนน้อมต่อพระกายพระเยซูในศีลมหาสนิทอย่างมาก