แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก
นักศาสนศาสตร์แบสติสทางใต้ นาม โมเลอร์ เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเช่นนั้น เขากลับมีทัศนคติที่ขัดแย้งกับการวิเคราะห์พระคัมภีร์ของกาเวนต้า
ผู้ศึกษาพระคัมภีร์หลาย ๆ คน พยายามลดบทบาทของมารีย์ในพระคัมภีร์ลง ซึ่งมันต้องถูกแก้ไข
เขายอมรับ
แต่เมื่อผมค้นคว้าพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ผมว่าสาเหตุไม่ใช่เรื่องของการพยายามไม่สนใจ
หรือ ทำเป็นไม่สนใจเธอ เราต้องไม่มองข้ามส่วนของเธอ แต่การสร้างบทบาทใหม่ให้เธอนั้นเป็นเรื่องเลยเถิด
สิ่งที่เขารู้สึกไม่ชอบใจที่สุดคือ การยกมารีย์เป็นพระฉายาลักษณ์ของของพระเจ้าในด้านความเป็นแม่
ซึ่งในบางมิตินั้นเกินเลยไปกว่าที่พระคัมภีร์ได้เขียนเอาไว้ เรื่องความรักของพระผู้เป็นเจ้านั้นแสดงอยู่ในพระคัมภีร์โดยไม่เห็นจำเป็นต้องให้มารีย์มาเป็นตัวสื่อ
การพูดถึงความจำเป็นดังกล่าวของเธอในแง่ สัญลักษณ์ แทนที่จะเป็นในแง่ของ
ข้อความเชื่อ เขาหยุดคิด นี่คือการปฏิรูปที่ย้อนกลับ สิ่งนี้ไม่มีพระคัมภีร์สนับสนุนเลย
และมันจะนำไปสู่การนมัสการมารีย์มากเกินไป
การตัดสินของโมเลอร์อาจจะดูรุนแรงขวานผ่าซาก
แต่ประเด็นคำถามของเขาก็เป็นไปตามแบบอย่างปกติของชาวโปรแตสแตนท์ที่เคร่ง
การเปลี่ยนแปลงจากการเคารพนับถือพระนางมารีย์กลายเป็นการเทิดทูนเคารพบูชาเกิดขึ้นจากการตีความตามเนื้อหาของนักเทววิทยาได้ง่ายกว่า
ที่ผู้ศรัทธาจะทำในทางปฏิบัติ ตัวอย่างนี้เห็นได้จากชาวโปรแตสแตนท์ที่รักแม่พระ
ที่ยืนยันว่าจะไม่ใช้พระนางในฐานะผู้ร้องวิงวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ยอมรับอย่างง่ายดายว่าได้กล่าว
โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป จากบทวันทามารีอาออกมา ซึ่งอาจจะดูเป็นการขัดแย้งในตัวเอง
ในทำนองเดียวกัน บรรดานักเรียนศิษยาภิบาลที่ตกแต่งผนังด้วยรูปไอคอนแม่พระ
แต่ไม้กางเขนของพวกเขายังเป็นแบบที่ไม่มีรูปพระเยซู (กางเขนแบบโปรแตสแตนท์ทั่วไป)
จะสามารถพูดได้หรือไม่ว่าพวกเขาให้ความสำคัญพระเยซูมาเป็นอันดับแรก และเมื่อบทบาทของพระนางในฐานะ
พระมารดาของพระเจ้า ถูกเน้นหนักขึ้น มีทางง่ายๆบ้างไหมที่จะป้องกันสถานภาพของเธอจากฐานะของมนุษย์ที่นบนอบถ่อมตน
ไม่ให้กลายเป็นฐานะกึ่งพระเจ้า