คริสตศาสนานิกายต่างๆ

พระศาสนจักรในยุคเริ่มแรกมีเพียงหนึ่งเดียว ไม่ได้มีการแยกเป็นนิกายต่างๆเหมือนในปัจจุบัน ต่อมาในศตวรรษที่ 11 เกิดความขัดแย้ง ระหว่างพระศาสนจักรทางตะวันออก พระศาสนจักรในโรมจึงแยกตัวออกไป เกิดเป็นนิกายออโธดอกซ์ขึ้นมา

และ ต่อมา ในศตวรรษที่16 ในพระศาสนจักร ได้ประสบปัญหาต่างๆมากมาย(ยุคมืดของพระศาสนจักร) ทั้งจากระบบการปกครอง และความประพฤติของบรรดาบาทหลวง ทางอดีตบาทหลวงมาร์ติน ลูเธอร์ ได้ยื่นคำขอร้อง 95 ข้อเพื่อขอให้แก้ไขหลักการปฏิบัติ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากสมเด็จพระสันตะปาปา เลยถูกขับ และสั่งลงโทษ(ในสมัยนั้นพระศาสนจักร มีอำนาจเหนืออาณาจักร) และได้เกิดนิกายโปรแตสแตนท์ขึ้นมา โดยหลังจากเหตุการ์ณนั้นก็ได้มีการพิจารณาและปรับเปลี่ยนหลักการใหม่ ปรับปรุงข้อที่ผิดพลาด และกำหนดหลักการใหม่จนมาถึงปัจจุบัน




Q: นิกายใหญ่ๆทั้ง 3 นิกายที่ประกอบด้วย โรมันคาทอลิค โปรแตสแตนท์ และ กรีกออโธดอกซ์ มีข้อเหมือนหรือหลักการอย่างไรบ้าง?


A: โรมันคาทอลิกและออโธดอกซ์แทบจะไม่แตกต่างกันเลยในเรื่องของหลักการจะแตกต่างกันเพียงออโธดอกซ์จะมีพระอัยการเป็นผู้นำส่วนคาทอลิคมีพระสันตะปาปาเป็นประมุข โดยสืบทอดมาตั้งแต่สมัยอัครสาวกกลุ่มแรก โดยถือว่า นักบุญ เปโตร หรือ เซนต์ปีเตอร์ คือพระสันตะปาปาพระองค์แรก และสืบทอดมาถึงพระสันตะปาปาเบนนิดิกที่ 16 องค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่265 คาทอลิกนั้นจะมีนักบวช ที่เรียกว่า บาทหลวง หรือซิสเตอร์ และจะมีการให้เกียรติพระนางมารีย์ แม่ของพระเยซูเป็นพิเศษ เรียกพระนางว่า "แม่พระ" มาจากคำว่า มารดาของพระเจ้า

คาทอลิกจะมีการยกย่องวีรบุรุษ หรือวีรสตรีทางศาสนา หรือเรียกง่ายๆว่า บุคคลที่ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระเยซูอย่างดีมากจนเรามั่นใจว่าเขาได้ไปสวรรค์แน่นอน(คล้ายๆกรณีพระอรหันต์ในศาสนาพุทธ) เราจะเรียกคนเหล่านี้ ว่าเป็น นักบุญ

ดังนั้นหากเปรียบให้เข้าใจง่าย เรามองว่าพระเยซูคือกษัตริย์ ส่วนพระแม่มารีย์ก็เป็นพระราชชนนี(แบบกรณีสมเด็จย่า) เหล่านักบุญก็เหมือนขุนนาง ที่ใกล้ชิดกษัตริย์

โบสถ์คาทอลิกทุกแห่ง ถือเป็น1เดียวกัน ขึ้นตรงต่อกรุงวาติกัน และองค์พระสันตะปาปา


ส่วนโปรแตสแตนทต์นั้น หลังจากการแยกนิกายในสมัยมาตินลูเธอร์ หลังจากนั้นได้มีการแยกนิกายย่อยอีกหลายนิกาย ดังนั้นโบสถ์หรือคริสตจักรต่างๆ จะไม่ได้ขึ้นกับวาติกันหรือพระสันตะปาปาแต่อย่างใด

โปรแตสแตนต์ ไม่มีนักบวช แต่มีผู้ถวายตัวรับใช้พระเจ้า เรียกว่า ศาสนจารย์ /ศิษยาภิบาล และผู้ประกาศ ซึ่งอาจแต่งงานหรือไม่แต่งงานก็ได้ การเรียกคำนำหน้าบุคคลเหล่านี้ จะเรียกว่า อาจารย์

โปรแตสแตนต์(โดยทั่วๆไป)จะไม่ให้ความสำคัญพิเศษกับพระนางมารีย์ หรือนักบุญ จะเน้นการเข้าถึงพระเยซูเจ้าโดยตรงด้วยตนเอง แต่สำหรับบางกลุ่มที่สนใจในเรื่องศาสนศาสตร์สตรี จะให้ความสำคัญกับพระนางมารีย์มากขึ้น ในฐานะแบบอย่างของสตรีคริสตชนที่ดี

สถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาของโปรแตสแตนต์เรียกว่าคริสตจักร ซึ่งคาทอลิคจะเรียกวัด มีพิธีทางศาสนาในวันอาทิตย์เรียกว่าพิธีนมัสการ