อาเว มารีอา

เมื่อแรกเริ่ม ชายคืออาดัม และหญิงคือเอวา ร่วมกันทำผิด และเมื่อเริ่มประวัติศาสตร์แห่งความรอด พระเจ้าก็ทรงใช้สตรี
ผู้ร่วมงานทรงไถ่คือพระมารดามารีย์ เป็นเอวาคนใหม่

นักบุญ อีเรเนอุสเกิดที่เมืองสมีร์นา ประมาณปี ค.ศ. 130 และได้รับการศึกษาอบรมจากนักบุญ โปลีการ์ป ซึ่งเป็นศิษย์ของ
นักบุญ ยอห์น อัครสาวก ผู้รับพระมารดามารีย์เป็นมารดาของตน โดยนัยนี้ท่านจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลสุดท้ายใน
แวดวงของบรรดาอัครสาวก และสืบทอดแนวคิดของพระวรสาร น. ยอห์นอย่างลึกซึ้ง ท่านได้ประกาศว่า
พระคริสตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลในประวัติศาสตร์จริงๆ เป็นผู้ไขแสดงสูงสุดของพระบิดาเจ้าทรงเป็นพระผู้ไถ่
และพระศาสนจักรเองก็ได้เจริญชีวิตพระคริสตเจ้าและได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระองค์ ทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งไป
หาพระคริสตเจ้า และจะต้องได้รับการปฏิรูปปรับปรุงในพระองค์ซึ่งเป็นอาดัมคนใหม่ และพระนางมารีอาทรง
เป็นเอวาคนใหม่


ไม่น่าแปลกใจถ้าท่านจะเข้าใจลึกซึ้งว่า คำว่า "สตรี" ที่ท่านยอห์นผู้บันทึกพระวรสาร ใช้เรียกพระมารดามารีย์ถึง3ครั้ง 2ครั้ง
ในพระวรสาร และอีกครั้งในพระวิวรณ์บทนี้ ก็เพื่อยืนยันบทบาทของ สตรี แห่งคำทำนายจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าแต่แรกเริ่ม
ตั้งแต่ปฐมกาล

พระนางมารีย์คือมารดาของมนุษย์ทุกคน และของผู้ที่เชื่อในคำพยานของพระเยซูเจ้า

ในปฐมกาล………
นางเอวา ผู้เป็นมารดาของเหล่ามนุษย์คนบาป

1)หญิงคนหนึ่ง เกิดจากชาย(เพียงคนเดียว)คนหนึ่ง
2)หญิงคนนั้นเชื่องูและจองหอง
ผล-->มนุษย์ทั้งหมด พลัดพรากจากพระเจ้า

ในหน้าแรกของพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่…………
หญิงพรหมจารีย์ชื่อมารีย์ ผู้ถูกเลือกเป็นมารดาพระผู้ไถ่

1)หญิงคนนั้นเชื่อทูตสวรรค์ และนบนอบ
2)ชายคนหนึ่ง เกิดจากหญิงพรหมจารี(เพียงคนเดียว)คนหนึ่ง
ผล--->มนุษย์ทั้งมวลได้รับความรอดพ้นผ่านทางพระเยซูคริสต์ได้กลับไปหาพระบิดา

1คร 15: 22
มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น


- - - อาดัมร่วมทำพลาดกับนางเอวาเพราะเชื่องูฉันใด พระเยซูได้ทำการทรงไถ่โดยมีพระนางมารีย์ผู้นบนอบร่วมแผนการ
ฉันนั้น

ท่าน น.ออกัสติน ปิตาจารย์คนสำคัญในยุคแรกเริ่มของพระศานสนจักร จึงได้บันทึกไว้สั้นๆว่า "ตายทางเอวา รอดทางมารีย์"

น่าอัศจรรย์พระเจ้าได้ย้อนกลับขบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาในสมัยปฐมกาล ผลของบาปคือความตาย กลับใช้การตายไถ่บาป
แบบหนามยอกเอาหนามบ่ง ก็เห็นเด่นชัดอยู่ แล้วยังใช้การกลับสมการนี้ กับนางเอวาและพระนางมารีย์ด้วย

Genesis 3:15
I shall put enmity between you and the woman, and between your offspring and hers;
it will bruise your head and you will strike its heel.'

เราจะให้เจ้ากับ “สตรี” เป็นศัตรูกัน และระหว่างพงศ์พันธุ์ของเจ้ากับนางด้วย นาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)จะบดขยี้หัวเจ้า
และเจ้าจะฉกกันส้นเท้าของนาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)

วว 12:17
มังกรโกรธสตรี และออกไปทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ที่เหลือของนาง คือผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า
และยึดมั่นในคำพยานถึงพระเยซูเจ้า

แม้มังกรร้ายจะพยายามพ่นน้ำเพื่อทำลายหญิงนั้น สิ่งที่ออกมาจากปาก นั่นคือคำพูดนั่นเอง และในพระธรรมเดิม
ถือว่าของเหลว ที่ออกมาจากร่างกายถ้าไปกระเด็นหรือรดโดนคนอื่น จะทำให้คนนั้นมีมลทิน ดังนั้นน้ำที่ออกมาจากปากมังกร
คือคำพูดใส่ร้ายต่างๆที่มันพยายามทำให้แม่พระมีมลทิน นี่คือวิธีที่ซาตานใช้ทำลายพระมารดาพรหมาจารีย์ของ
องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่ว่าคำพูดโสโครกอันเต็มไปด้วยมลทินนั้นจะถูกพ่นออกมามากเท่าใด พระเจ้าจะทรงให้แผ่นดิน
อ้าปากสูบน้ำเหล่านั้นไปหมด ไม่ให้ความบริสุทธิ์ของสตรีที่ทรงโปรดปรานผู้นี้ต้องแปดเปื้อนได้เลย

ที่น่าอัศจรรย์ใจที่สตรีผู้นี้ ไม่ใช้กำลังหรือออกแรงต่อสู้ใดๆกับมังกรร้าย เพียงแค่ความสุภาพ นบนอบเชื่อฟังพระเจ้า
และความเชื่อความศรัทธาอันล้นพ้น กลับกลายเป็นแส้ที่พระเจ้าทรงใช้หวดซาตานลงยังเหวลึกของความพ่ายแพ้
ที่หัวของมันถูกบดขยี้แหลกเหลวตลอดกาล

เราทั้งหลายผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ และเป็นลูกของแม่ด้วย เราจึงมีแบบอย่างแห่งชัยชนะเหนือซาตาน ที่เป็นความหวังและ
กำลังใจของเรา เคียงข้างพระบุตรสุดที่รักของพระนาง

ดังนั้น เมื่อพระบุตรประทานของขวิญวิเศษสุดนี้แก่เราแล้วที่เชิงกางเขน เราทั้งหลาย ผู้เป็นศิษย์ที่พระองค์
ทรงรัก จะไม่นำพระมารดาของพระองค์กลับไปอยู่กับเราในฐานะแม่ของเราด้วยหรือ


ขอพระนามพระเจ้าได้รับการสรรเสริญ อาแมน