๒.ภาวนาพึ่งพาพระเจ้าผู้รอบรู้ ( ดาเนียล ๒.๑๗-๒๓ )

(๑๗)แล้วดาเนียลก็กลับไปเรือนของท่านและแจ้งเรื่องให้ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์สหายของท่านฟัง (๑๘)และบอกเขาให้ขอพระกรุณาแห่งพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เรื่องความลึกลับนี้ เพื่อดาเนียลและสหายของท่านจะไม่พินาศพร้อมกับบรรดานักปราชญ์อื่นๆของบาบิโลน (๑๙ )ในนิมิตกลางคืนทรงเผยความลึกลับนั้นแก่ดาเนียล แล้วดาเนียลก็ถวายสาธุการแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ (๒๐ )ดาเนียลกล่าวว่า "สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์สืบไป ปัญญาและฤทธานุภาพเป็นของพระองค์ (๒๑ )

พระองค์ทรงเปลี่ยนวาระและฤดูกาล พระองค์ทรงถอดพระราชาและทรงตั้งพระราชาขึ้นใหม่ พระองค์ทรงประทานปัญญาแก่นักปราชญ์ และทรงประทานความรู้แก่ผู้ที่มีความรอบรู้ (๒๒ )พระองค์ทรงเผยสิ่งที่ลึกซึ้งและลี้ลับ พระองค์ทรงทราบสิ่งที่อยู่ในความมืด และความสว่างก็อยู่กับพระองค์ (๒๓ )โอ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขออนุโมทนาและสรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์ประทานปัญญาและกำลังแก่ข้าพระองค์ สิ่งนั้นที่พวกข้าพระองค์ทูลขอพระองค์ก็ทรงให้ข้าพระองค์รู้แล้ว เพราะพระองค์ได้ทรงสำแดงเรื่องของพระราชาให้แจ้งแก่พวกข้าพระองค์"

หนังสือดาเนียลบทที่ ๒ เกี่ยวกับพระราชาเนบูคัดเนสซาร์ ทรงพระสุบิน แล้วจำเนื้อหาไม่ได้ นักวิชาการพระคัมภีร์บางคนเชื่อว่าพระราชาทรงพระสุบินน่ากลัวจนยากที่จะจำ แต่ทรงอยากรู้ความหมายของความฝันนั้น พวกโหร หมอดู และคนมีปัญญาของบาบิโลน ก็หมดปัญญาไม่มีใครทำนายได้ เพราะ พระราชาฝันเองก็จำไม่ได้ ดังนั้นพระชาราทรงกริ้วมากจึงรับสั่งให้ฆ่านักปราชญ์ทั้งหมด ดาเนียล เชลยหนุ่มชาวยิว ผู้กล้าหาญ จึงขันอาสาจะทำนายความฝันพระราชา เพื่อช่วยชีวิตนักปราชญ์ทุกคน

ดาเนียล เป็นตัวอย่างของคนที่ดำเนินชีวิตให้พระเจ้าทรงนำ เขาเชื่อและวางใจพระเจ้าทั้งหมด เมื่อมีปัญหา หรือทำกิจการงานใดๆ เขาคิดถึงพระเจ้าเป็นอันดับแรก ถึงแม้ ดาเนียลได้รับสติปัญญาจากพระเจ้ามากมาย แต่เมื่อถึงเวลาในการทำพันธกิจที่ยากยิ่งนี้ สิ่งแรกที่เขากระทำคือ ชวนเพื่อนทั้งสามคน ภาวนาทูลขอคำตอบจากพระเจ้า นั่นคือการยกย่องพระเจ้าอย่างจริงใจ และยอมรับว่าตัวเองไม่มีความสามารถ จึงขอพึ่งพาพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น พระคัมภีร์บันทึกว่า พระเจ้าทรง ฟังและตอบคำภาวนาของพวกเขา ดาเนียลจึงสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าท่ามกลางคนไม่เชื่อพระองค์ โดยการทำนายพระสุบินของพระราชาเนบูคัดเนสซาร์ ซึ่งดาเนียลได้เข้าใจความฝันนั้นด้วยนิมิตที่พระเจ้าทรงประทานแก่เขา ในพระสุบินนั้น เริ่มตั้งแต่ยุคของพระราชาเนบูคัดเนสซ่าร์ จนถึงยุคของคนต่างชาติ และในที่สุดจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของพระเมสสิยาห์ ( ลก.๒๑.๒๔ , ดนล.๒. ๓๔ ก้อนหินเล็งถึง พระเยซู /ศิลา ) หรือ ดาเนียลบทที่ 4:3 คือแผ่นดินที่ตั้งนิรันดร์ คือจากเชื้อสายของดาวิดนั่นเอง

ประยุกต์: ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เมื่อประสบกับปัญหา และจนปัญญา เราได้ พึ่งพาพระเจ้าอย่างไร

ตัวอย่าง:. “คำภาวนาเคลื่อนภูเขา” เป็นประสบการณ์ของ โบสถ์ คริสเตียนในสหรัฐอเมริกา ... เมื่อไม่นานมานี้ พระเจ้าทรงสำแดงการอัศจรรย์ในการตอบคำภาวนาของคริสเตียน แห่งโบสถ์เพรสไบทีเรียนแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง มีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ปัจจุบัน คริสตชนเพิ่มขึ้น พอถึงวันอาทิตย์ ที่จอดรถ ก็มีไม่เพียงพอ ดังนั้นทำให้คริสเตียนบางคนมีข้อแก้ตัวที่จะไม่ไปนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ เพราะไม่มีที่จอดรถ ดังนั้นศิษยาภิบาล และคณะกรรมการ โบสถ์ ประชุมปรึกษากันว่าควรจะแก้ไขอย่างไร โบสถ์นี้มีที่ดินเหลืออยู่อีกหน่อย ส่วนด้านหลังโบสถ์ เป็นเนินเขา ไม่สามารถ ปรับให้เป็นที่จอดรถได้ ในที่สุดทุกๆคนเห็นด้วยว่าจะต้องมีการอธิษฐานภาวนา ทูลขอให้พระเจ้าทรงเคลื่อนภูเขา ที่ตั้งอยู่หลังโบสถ์ออกไป ดังนั้นฆราวาสทุกๆคนได้ร่วมกันภาวนาอย่างจริงจัง การภาวนาผ่านไปเป็นเดือน จนบางคนเริ่มท้อแท้ แล้วพระเจ้าทรงสำแดง การอัศจรรย์ คือเช้าวันหนึ่งหลังจากศิษยาภิบาล ได้รับโทรศัพท์ จากนายกเทศมนตรีของเมืองนั้น นายกเทศมนตรีบอกว่า ตอนนี้ทางการ กำลังขยายถนน เข้าไปถึงอีกชุมชนหนึ่ง แต่ พื้นที่ เป็นหลุม ขรุขระเต็มไปหมด จะต้อง มีการถมพื้นที่หลุมเหล่านั้นก่อนแล้วถึงเทคอนครีต...นายกเทศมนตรี พูดอย่างไม่อ้อมค้อม ว่าเมื่อหลายวันก่อนเขาขับรถผ่านโบสถ์ และเห็นว่า ด้านหลังโบสถ์ เป็นเนินเขาเล็กๆซึ่งโบสถ์คงไม่ใช้ประโยชน์อะไร ดังนั้นเขาจึงคิดว่า ควรจะใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวม นายกเทศมนตรี บอกกับศิษยาภิบาล ว่า ขอซื้อภูเขาหลังโบสถ์...ทางคณะกรรมโบสถ์จึงขายภูเขานั้นให้เทศบาลไป ในที่สุดทางเทศบาลก็ได้ระเบิดภูเขาและได้ขนหินนั้นไปถมพื้นที่ขรุขระทำถนน และแล้วพื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาโล่งเตียน ดูกว้างขวาง ทางกรรมการโบสถ์จึงปรับพื้นที่ตรงนั้นเทคอนครีต ลาดยางทำเป็นสถานที่จอดรถแห่งใหม่ของโบสถ์ โดยใช้เงินที่ได้จากเทศบาลซื้อภูเขา เป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างที่จอดรถ

ดังนั้น คริสตชนโบสถ์ แห่งนี้มีความชื่นชมยินดีที่พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ ที่เคลื่อนภูเขาหลังโบสถ์ พวกเขาจึงเข้าใจที่พระเยซูตรัสว่า “ แม้ความเชื่อเท่าเมล็ดผักกาด ก็เคลื่อนภูเขาได้” อย่างลึกซึ้งทีเดียว