เทวดาผู้บรรเทา

อารักขเทวดาจะอยู่เคียงข้างเราและฟังเราทุกครั้งที่เราประสบกับความเดือดร้อน ท่านเป็นได้ในหลายรูปแบบ เป็นได้ทั้งทารก ชายหรือหญิง ผู้ใหญ่หรือคนชรา มีปีกหรือไม่มีปีก สวมใส่เสื้อผ้าแบบเราทั่วไปหรือในชุดยาวที่ส่องประกาย มีมงกุฏดอกไม้หรือไม่มีมงกุฏ อะไรก็ได้เพราะรูปแบบไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่ให้ความช่วยเหลือของท่าน บางครั้งอาจปรากฏตัวเป็นสัตว์ที่เป็นเพื่อนหรือเป็นหมา “ กรีจีโอ ” ของนักบุญยวง บอสโก หรือนกแก้วที่คาบเอาจดหมายของนักบุญเยมมา กัลกานีไปส่งที่ไปรษณีย์ให้หรือกาที่คาบเอาขนมปังและเนื้อให้ประกาศกเอลียาห์ที่ธารน้ำแห่งเครีท ( พกษ . 19,5-8)

บางทีอาจจะเป็นในรูปแบบของคนธรรมดา เช่นอัครเทวดาราฟาแอล เวลาที่ไปเป็นเพื่อนร่วมทางของโทบิยาห์หรืออาจจะเป็นรูปแบบที่รุ่งเรืองสดใสเป็นทหารในสนามรบ เราพบในหนังสือมัคคาบีว่า “ เมื่อพวกเขายังอยู่ใกล้กรุงเยรูซาเลม ฉับพลันก็มีทหารม้ามาปรากฏตัวนำหน้าพวกเขา ทหารม้าผู้นี้แต่งกายสวมเสื้อผ้าขาวกวัดแกว่งอาวุธทองคำ แล้วทุกคนก็ร่วมกันขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงพระกรุณา จิตใจของเขาก็เหี้ยมฮึกขึ้นพร้อมที่จะโจมตีมนุษย์และแม้กระทั่งสัตว์ป่าที่ดุร้ายที่สุดหรือกำแพงเหล็ก ” (2 มคบ . 11,8-9) “ ท่ามกลางการสู้รบอย่างดุเดือดศัตรูของชาวอิสราแอล เห็นชายห้าคนสูงสง่าขี่ม้าสายบังเหียนทองคำจากสวรรค์มานำทัพชาวยิว ห้าคนนี้ใช้โล่ล้อมมัคคาเบียสไว้ บังเขาไว้ไม่ให้ถูกอาวุธบาดเจ็บแล้วยิงธนู ขว้างสายฟ้าเข้าใส่ศัตรู ทำให้ศัตรูงงงวยและนัยตามืดไปต่างอลหม่านจนแตกทัพ …” ( มคบ .10,29-30)

ในชีวิตของเทเรซา นอยมัน (Teresa Neumann) นักบำเพ็ญพรตชาวเยอรมันผู้ยิ่งใหญ่นั้นเล่ากันว่า อารักขเทวดาของเธอบ่อยครั้งแปลงเป็นตัวเธอเพื่อจะได้ปรากฏตัวในสถานที่ต่างๆ เพื่อพบกับบุคคลต่างๆราวกับว่าตัวเธอนั้นสามารถอยู่ในสถานที่ต่างกันในเวลาเดียวกันได้

มีอะไรที่คล้ายคลึงกันนี้ในหนังสือ “ บันทึกความทรงจำ ” ของลูชีอาเกี่ยวกับยาชินทา เด็กแห่งฟาติมาว่า มีครั้งหนึ่งญาติของเขาคนหนึ่งได้ขโมยเงินของพ่อแม่แล้วหนีไปและเมื่อได้ใช้จ่ายเงินจำนวนนั้นจนหมดแบบเดียวกันกับลูกสุรุ่ยสุร่าย ( ในพระวรสาร ) เร่ร่อนไปทั่วไปจนต้องเข้าคุกแต่ก็ได้หนีออกจากคุกในคืนที่มืดมิดและพายุแรง แล้วในที่สุดก็ได้พบตัวเองว่าอยู่กลางหุบเขาโดยไม่รู้ว่าจะไปทางไหนกันดี จึงได้คุกเข่าลงภาวนาและในเวลานั้นเองเขาก็เห็นยาชินทามาหา ( ซึ่งขณะนั้นเป็นเด็กอายุแค่เก้าขวบเท่านั้น ) แล้วจูงมือเขาออกไปยังถนนใหญ่จนเขาสามารถไปถึงบ้านของพ่อแม่ของเขาได้ ลูชีอาเขียนว่า “ ดิฉันได้สอบถามยาชินทาดูว่า ที่เขาว่านี้มีความจริงแค่ไหนซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า เขาไม่รู้จักทั้งป่าสนและภูเขาที่ญาติของเขาหลงทาง เขาพูดกับดิฉันว่าผมได้แต่เพียงสวดภาวนาและขอพรสำหรับเขาเพราะเห็นแก่คุณป้าวิคโตเรียเท่านั้น ”

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากคือเรื่องของแม่ทัพ ติลลี ในระหว่างสงครามปี 1663 ขณะที่เขากำลังช่วยมิสซาขอบพระคุณอยู่นั้น ท่านบารอนลินเดลาก็ได้เรียนให้เขาทราบว่า ท่านดุ๊กแห่งบรุนวิ๊กได้เริ่มการจู่โจมแล้ว ติลลีเป็นคนศรัทธาก็ได้สั่งการให้เตรียมการต่อสู้ป้องกันพร้อมกับออกคำสั่งว่า เขาจะรับหน้าที่เป็นผู้นำทัพ ทันทีที่บูชาขอบพระคุณจบลงและเมื่อเสร็จพิธีบูชาขอบพระคุณแล้ว เขาก็ไปรับหน้าที่นำกองทัพและเมื่อท่านได้ไปถึงสถานที่เพื่อบัญชาการรบก็ปรากฏว่าข้าศึกได้แตกหนีไปแล้ว เขาจึงได้ถามว่าใครเป็นผู้นำการต่อสู้ ท่านบารอนก็รู้สึกตกใจพร้อมกับตอบว่าเป็นตัวเขาเองที่นำการต่อสู้ ท่านแม่ทัพก็ได้ตอบว่า “ ผมยังช่วยมิสซาขอบพระคุณในวัดอยู่และเพิ่งจะมาถึงเดี๋ยวนี้เอง ผมไม่ได้มีส่วนในการสู้รบเลย ” แต่ท่านบารอนก็ได้ตอบเขาว่า “ คงจะเป็นอารักขเทวดาของท่านที่ได้แปลงเป็นร่างของท่านเพื่อทำหน้าที่แทนท่าน ” ทั้งพวกทหารและนายทหารต่างก็เห็นว่าเป็นท่านแม่ทัพเองที่เป็นผู้นำการต่อสู้ด้วยตัวเอง

เราอาจตั้งคำถามว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ? เป็นเทวดาจริงๆหรือ ? ในกรณีของเทเรซา นอยมันหรือในกรณีนักบุญอื่นๆ

ภคินีมารีอา อันโตเนีย เชชิเลีย โกนี (Sister Maria Antonia Cecelia Cony) (1900-1939) นักบวชชาวบราซิลคณะฟรังซิสกันที่เห็นอารักขเทวดาของตนทุกวัน เราอ่านพบในหนังสือชีวประวัติของเธอที่เธอเองเป็นคนเขียนว่า ในปี 1918 บิดาของเธอซึ่งเป็นทหารได้ถูกย้ายไปอยู่ที่กรุงรีโอเด จาเนโร ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้ดำเนินไปตามปกติและก็มีจดหมายมาถึงบ้านอย่างสม่ำเสมอจนวันหนึ่งก็ได้ขาดหายไป แล้วทางบ้านก็ได้รับโทรเลขบอกว่าเขาไม่สบายแต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมากนัก แต่จริงๆแล้วเขามีอาการย่ำแย่มาก เขาติดโรคระบาดที่น่ากลัวที่มีชื่อว่า “ สเปน ” ภรรยาของเขาได้ส่งโทรเลขไปถามอาการหลายครั้งก็ได้รับคำตอบจากเด็กรับใช้ในโรงแรมที่มีชื่อว่ามีคาแอล ในเวลาเดียวกันมารีอา อันโตเนียก็ได้คุกเข่าสวดสายประคำก่อนเข้านอนทุกคืนอุทิศให้บิดาของเธอ พร้อมกับส่งอารักขเทวดาของเธอไปช่วยเหลือเขา เมื่อเทวดากลับมาหลังการสวดสายประคำก็จะเอามือวางบนบ่าของเธอ และก็ทำให้เธอหลับไปอย่างสงบทั้งคืน

ตลอดเวลาที่บิดาของเธอไม่สบายอยู่นั้น เด็กรับใช้ของโรงแรมที่มีชื่อว่ามีคาแอลคนนี้ก็ได้ให้การบริการอย่างดีที่สุด ได้นำเขาไปหาหมอ ได้ให้เขาทานยาและได้เช็ดตัวให้เขาด้วย … เมื่อเขาหายจากอาการป่วยแล้วเด็กคนนี้ก็ได้พาเขาเดินออกกำลังกายพร้อมกับให้การเอาใจใส่เขาราวกับว่าเป็นบุตรชายของเขาเอง และเมื่อเขาได้หายเป็นปกติแล้วก็ได้กลับมาบ้านพร้อมกับเล่าด้วยความอัศจรรย์ใจถึงเด็กรับใช้หนุ่มที่ชื่อว่ามีคาแอลนั้นว่า “ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนสุภาพแต่ซ่อนไว้ซึ่งการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยหัวใจอันมหึมาซึ่งเต็มไปด้วยความเคารพและความอัศจรรย์ใจ ” มีคาแอลแสดงให้เห็นตลอดเวลาว่าเขาเป็นเด็กที่รักนวลสงวนตัว ไม่ทราบอะไรมากเกี่ยวกับตัวเขา นอกจากชื่อของเขา ไม่ทราบว่าครอบครัวของเขาเป็นอย่างไร ไม่ทราบถึงสถานภาพด้านสังคมของเขาเป็นอย่างไร เขาไม่ยอมรับค่าตอบแทนจากการรับใช้อย่างมากมายของเขา เขาคิดว่าเด็กคนนี้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาคนหนึ่งซึ่งเขามักจะกล่าวถึงด้วยความอัศจรรย์ใจและด้วยความกตัญญูเป็นอย่างมาก มารีอา อันโตเนียมั่นใจเหลือเกินว่า เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกจากอารักขเทวดาที่เธอส่งไปดูแลบิดาของเธอ ทั้งนี้เพราะว่าอารักขเทวดาของเธอนั้นก็มีชื่อว่ามีคาแอลด้วยเหมือนกัน

ท่านได้เคยส่งอารักขเทวดาของท่านไปให้ความช่วยเหลือแก่คนที่รู้จักที่อยู่ห่างไกลบ้างหรือเปล่า ?