เทวดาผู้พิทักษ์

เทวดายังเป็นผู้พิทักษ์เราด้วย ท่านไปไม่เคยทิ้งเราไป ท่านพิทักษ์เราจากพลังชั่วทุกอย่าง กี่ครั้งแล้วที่ท่านได้ช่วยเราให้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งกายและใจ ท่านได้ช่วยเราให้รอดพ้นจากการประจญล่อลวงอย่างนับครั้งไม่ถ้วน เพราะฉะนั้น เราจะต้องเรียกหาท่านในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากและต้องมีความกตัญญูต่อท่าน

ว่ากันว่าเวลาที่พระสันตะปาปานักบุญเลโอองค์ใหญ่ ออกจากกรุงโรมเพื่อจะได้ไปพบกับอัตตีลา กษัตริย์ของพวกฮั่นซึ่งต้องการยึดนครนิรันดร เพื่อจะทำลายในศตวรรษที่ 5 นั้น เทวดาได้ปรากฏมาอย่างยิ่งใหญ่หลังพระสันตะปาปา อัตตีลามีความเกรงกลัวต่อปรากฏการณ์นี้มากจนถึงกับได้สั่งให้กองทัพถอยทัพกลับจากสถานที่แห่งนั้น เป็นไปได้ไหมว่านั่นเป็นอารักขเทวดาของพระสันตะปาปา แต่ที่แน่นอนที่สุดคือ กรุงโรมได้รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมที่น่าสะพรึงกลัวนั้น

โกร์รี เทน บูม ในหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า “ บัญชาให้เดินหน้าเพื่อให้สงครามสิ้นสุดลง ” เล่าว่า ในช่วงกลางๆศตวรรษที่ยี่สิบ ที่ประเทศซาเอียร์ ในช่วยสงครามกลางเมืองพวกกบฏบางคนต้องการที่จะยึดโรงเรียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของพวกธรรมทูตเพื่อจะได้ฆ่าทิ้งทุกคนที่อยู่ที่นั่น ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปในเขตนั้นได้ พวกกบฏคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังทีหลังว่า “ พวกเราเห็นทหารสวมเครื่องแบบสีขาวจำนวนร้อยๆ พวกเราจึงได้ยกเลิก ” บรรดาเทวดาได้ช่วยให้พวกเด็กๆและธรรมทูตรอดพ้นจากความตายที่แน่นอน

นักบุญมาร์การิตา มารีอา อาลาก๊อก เขียนลงในหนังสือชีวประวัติของตนว่า “ ครั้งหนึ่งเจ้าปีศาจได้ผลักดิฉันลงจากบันใดสูงในมือถือเตาไฟร้อนๆและไม่อยากให้ถ่านไฟร้อนนี้หกออกนอกเตาหรือเพื่อไม่ให้มันทำอันตรายต่อใคร ดิฉันก็พบว่าตัวดิฉันอยู่บนพื้นและทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็คิดว่าตัวของดิฉันคงไหม้เกรียมไปหมดแล้ว แต่ว่าในการตกลงนั้นดิฉันมีความรู้สึกว่าอารักขเทวดาผู้ซื่อสัตย์ของดิฉันได้พยุงตัวดิฉันไว้ ทั้งนี้เพราะว่ามันเต็มไปด้วยเสียงที่ทำให้ดิฉันรู้ว่าเป็นตัวท่านเอง ”

มีนักบุญอีกหลายต่อหลายองค์ที่ได้กล่าวถึงความช่วยเหลือที่ได้รับจากอารักขเทวดาของตนในช่วงเวลาที่ถูกการประจญล่อลวง เช่นนักบุญยวง บอสโก ที่อารักขเทวดาของท่านปรากฏตัวมาในสภาพเป็นหมาที่ท่านตั้งชื่อให้ว่า กรีจีโอ ซึ่งปกป้องท่านจากพวกศัตรูที่มุ่งร้ายต่อชีวิตของท่าน นักบุญทุกท่านต่างก็ขอความช่วยเหลือจากอารักขเทวดาของตนในช่วงเวลาที่ถูกการประจญล่อลวง

นักบวชในเขตพรตท่านหนึ่งเขียนมาเล่าให้ฟังว่า “ เมื่อดิฉันมีอายุราวๆสองขวบครึ่งหรือสามขวบ แม่ครัวในบ้านของดิฉันซึ่งเป็นผู้อภิบาลดิฉันด้วย หลังจากที่เขาเสร็จจากภารกิจในครัวแล้ว วันหนึ่งเขาได้พาดิฉันไปที่วัด เขาได้ไปรับศีลมหาสนิทแล้วก็คายแผ่นศีลออกเก็บไว้ในหนังสือเล็กๆเล่มหนึ่งแล้วก็รีบออกจากวัดโดยอุ้มดิฉันออกไปด้วย เราได้มาถึงบ้านของแม่มดแก่ๆคนหนึ่ง มันเป็นบ้านหลังเล็กๆที่สกปรกและเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก แม่มดแก่คนนั้นก็ได้เอาแผ่นศีลไปวางไว้บนโต๊ะตัวหนึ่งที่มีหมาแปลกๆตัวหนึ่งแล้วเธอก็ได้พยายามที่จะตัดแผ่นศีลหลายครั้งด้วยมีด

ดิฉันซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเด็กอยู่ไม่ได้เข้าใจอะไรเกี่ยวกับการประทับอยู่จริงของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ในช่วงเวลานั้นเองแผ่นศีลนั้นก็ได้กลายเป็นใครคนหนึ่งที่มีชีวิตและจากแผ่นศีลนี้รู้สึกว่า จะมีความรักที่น่าอัศจรรย์ใจพุ่งออกมา ดิฉันมีความรู้สึกว่าในแผ่นศีลนั้นมีสิ่งที่มีชีวิตที่มีความเจ็บปวดเพราะการกระทำอันน่าบัดสีนี้ แต่ว่าในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกว่ามีความสุข ดิฉันจึงได้เดินเข้าหาแผ่นศีล แต่ว่าแม่ครัวของดิฉันได้กีดกันไว้ ทันใดนั้นดิฉันก็ได้เงยหน้าขึ้นมองและก็ได้เห็นว่าหมาตัวนั้นแยกเขี้ยว ในตาของมันเป็นเปลวไฟพร้อมที่จะขย้ำตัวดิฉัน ดิฉันก็ได้ถอยหลังราวกับว่าเพื่อขอความช่วยเหลือ ในทันใดนั้นดิฉันก็ได้เห็นเทวดาสององค์ ดิฉันคิดว่าคงจะเป็นอารักขเทวดา องค์หนึ่งเป็นของดิฉันและอีกองค์หนึ่งเป็นของแม่ครัว และดิฉันคิดว่าคงเป็นพวกท่านที่ได้ทำให้แม่ครัวของดิฉันได้ยื่นมือเข้าเพื่อดึงตัวของดิฉันออกจากหมาตัวนั้นและดังนี้ก็ได้ช่วยดิฉันให้พ้นจากอันตราย ”

เทวดาเป็นผู้พิทักษ์ชาวเราและจะเป็นผู้ช่วยเหลือผู้ยิ่งใหญ่ของเราด้วย ถ้าหากว่าเรารู้จักร้องหาท่าน ?

ท่านได้ร้องหาอารักขเทวดาของท่านเวลาที่ท่านถูกประจญล่อลวงหรือเปล่า ?