นิทานเปรียบเทียบ

ครั้งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งที่ร่ำรวยมากเขามีที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลแต่เขาอยู่คนเดียว และเป็นคนที่เต็มไปด้วยความเศร้า ปราศจากเพื่อนฝูง ที่ดินของเขาก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตของเขา อยู่มาวันหนึ่งเขาเกิดล้มป่วยลงและคิดว่า คงต้องตายแน่ถ้าหากว่าไม่มีใครมาช่วยเขา เขาจึงได้เชิญให้คุณหมอมาดูอาการป่วยของเขา ซึ่งคุณหมอก็มาและได้ช่วยรักษาเขาจนหาย ในที่สุดทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนกัน จนถึงกับได้เชิญให้คุณหมอมาอยู่กับเขาที่บ้าน คุณหมอก็ยินดีรับคำเชิญและได้ย้ายเข้ามาอยู่กับเขาพร้อมกับครอบครัว บ้านใหญ่หลังนั้นก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น มีคนอยู่ก็มีชีวิต มีเสียงร้องและเสียงหัวเราะของพวกเด็กๆ และเศรษฐีคนนี้ก็เริ่มรักและเล่นกับพวกเด็กๆ

ชีวิตของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมากเลยทีเดียว เขาตั้งให้เพื่อน ( หมอ ) ของเขาเป็นผู้จัดการทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา เขาเริ่มว่าจ้างคนงานมาทำงานในที่ดินของเขาและสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล กิจการของเขาเจริญก้าวหน้าจนเขามีเงินมากมายมหาศาล พอที่จะส่งไปช่วยงานเมตตาจิตในประเทศต่างๆได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็เป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของทุกคน เวลาที่เขาตายทุกคนต่างก็คิดว่าเขาเป็นนักบุญองค์หนึ่ง นี่เป็นเพียงแต่นิทานสมมุติเท่านั้น บัดนี้ลองมาคิดดูว่าเราพอที่จะเป็นบุคคลผู้นี้ได้ไหม เมื่อเราได้รับอะไรมากมายจากพระเป็นเจ้าแล้ว … เราจะทำอะไรบ้าง ? เราอาจตกอยู่ในอันตราย อาจเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วทำไมเราจึงไม่ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเราเล่า ? คืออารักขเทวดาไงหล่ะ ? ท่านจะช่วยจัดการกับทรัพย์สมบัติทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายจิตให้เรา จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีของเรา ท่านจะเป็นผู้ปกป้องที่ดีของเรา ดีกว่าบรรดาผู้อารักขาทั้งหลายที่ช่วยเฝ้าบุคคลที่มั่งมีและมีชื่อเสียงในโลกนี้เสียอีก จงปล่อยให้ท่านช่วยเราเถิด อย่าปฏิเสธความช่วยเหลือที่พระเจ้าประทานให้แก่เราโดยผ่านทางเทวดาเลย แล้วเราจะมีความรู้สึกที่ดีและมีความสุข จงเรียกหาท่านทุกครั้งที่เราประสบกับความยากลำบาก ดูตัวอย่างของ ซิสเตอร์มักดาลา คุณป้าของนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ นักบำเพ็ญพรตคณะกลาริส ท่านเสียชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ในศตวรรษที่ 16 เวลาที่ท่านกำลังทำนวกภาพอยู่นั้นท่านได้รับการประจญมากมายจนคิดอยากจะลาออกจากคณะ แต่ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นก็ได้เห็นเครื่องหมายอย่างหนึ่งคือ เธอเห็นพระเยซูเจ้าห้อมล้อมด้วยบรรดาเทวดา สาวพรหมจารีอยู่บนยอดเขาสูง พระองค์ทรงเชิญเธอให้ขึ้นไปและเธอก็เริ่มปีนเขาขึ้นไป แต่แม้ว่าเธอจะพยายามสักเท่าไรก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะไปถึงยอดเขานั้นได้ จึงเกิดหมดกำลังใจขึ้นมาและกำลังจะทิ้งความตั้งใจอยู่แล้ว ทันใดนั้นเธอก็เห็นอารักขเทวดาของเธอมาให้กำลังใจและเชิญให้จับแขนท่านและด้วยความช่วยเหลือของท่าน ความพยายามของเธอก็สำเร็จ แต่ขณะที่เธอกำลังจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของพระเยซูเจ้าที่กางแขนอยู่นั้นเธอก็ตกใจตื่นขึ้น ซิสเตอร์ มักดาเลนาเข้าใจทันทีว่า ความยากลำบากในการปีนขึ้นหาพระเยซูเจ้าบนภูเขานั้นเป็นสัญลักษณ์ของความยากลำบากของชีวิตนักบวช แต่ด้วยความช่วยเหลือของอารักขเทวดาเธอก็สามารถทำได้ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้มีความศรัทธาเป็นอย่างมากต่ออารักขเทวดาของเธอและได้ใช้เวลาหลายปีในการโมทนาพระคุณพระเยซูเจ้าที่ได้ประทานเครื่องหมายนั้นให้แก่เธอ ซึ่งทำให้เธอรับรู้การประทับอยู่และความรักของเพื่อนของเธอคืออารักขเทวดา