โฮโมเซ็กช่วลกับคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก
นางสาวชาวแบงค์
"มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก
แต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ" ( 1 ซามูเอล 16:7 )
บทความต่อไปนี้เป็นการมองภาพสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาโฮโมเซ็กช่วล
(รักร่วมเพศ) ในปัจจุบัน โดยวิเคราะห์จากข้อมูลทางจิตวิทยา สังคมศึกษาและคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก
รวมทั้งความคิดเห็นของนักพระคัมภีร์และนักเทววิทยาที่มีต่อปัญหานี้
ความเชื่อ
ในสังคมของเรานั้น คนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าเกย์ (รักร่วมเพศในชาย)
และเลสเบี้ยน (รักร่วมเพศในหญิง) เป็นกลุ่มคนที่ "ผิดปรกติ" "ผิดมนุษย์"
และ "ผิดธรรมชาติ" โดยเฉพาะในสังคมคาทอลิก เรื่องราวการทำลายล้างเมืองโสดมและโกโมราห์ถูกอ้างอิงอยู่เสมอ
เพื่อเป็นการสนับสนุนว่าโฮโมเซ็กช่วลนั้นเป็นบาปร้ายแรง สมควรแก่การถูกลงโทษจากพระเจ้า
สังคมยังเชื่ออีกว่าคนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนเช่นนี้ ควรต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่
ให้กลับมาเป็น "คนปรกติ" ตาม "ธรรมชาติ" ที่ควรจะเป็น
ผลของความเชื่อ
จากความเชื่อข้างต้นส่งผลให้เกิดการกีดกันและการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพวกรักร่วมเพศ
จนกลายเป็นปัญหาสำคัญปัญหาหนึ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กถึง 30-40
% ต้องหนีออกจากบ้านหรือถูกขับออกจากบ้าน เนื่องจากพ่อแม่ไม่สามารถรับพฤติกรรมการเป็นโฮโมเซ็กช่วลของพวกเขาได้
วัยรุ่นหลายคนฆ่าตัวตาย หลายต่อหลายคนถูกไล่ออกจากงาน หรือเคยมีปัญหาในการไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเพราะผู้ร่วมงานสงสัยว่าพวกเขาเหรือเธอเป็นพวกรักร่วมเพศ
บางรายถูกเผาบ้าน ผู้เป็นเกย์และติดเชื้อ HIV บางคนต้องตายอย่างโดดเดี่ยว
ไม่มีแม้การรักษาพยาบาล เพราะครอบครัวของเขาอายที่จะให้ผู้อื่นรู้ว่ามีสมาชิกในครอบครัวเป็นเกย์
กลุ่มคนรักร่วมเพศมักตกเป็นเป้าของการทำร้ายร่างกายเสมอ
ในกรณีหนึ่ง หญิงสาวถูกลักพาตัวไปในบริเวณบ้านเช่าของเธอเอง เธอถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ
รวมทั้งถูกข่มขืนเป็นเวลาติดต่อกัน 1 สัปดาห์ เพราะว่าพ่อแม่ของเธอได้ว่าจ้างชายคนหนึ่งให้ทำงานนี้
เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมรักร่วมเพศของลูกสาว ทั้งพ่อและเมื่อเชื่อว่าการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายเป็นการ
"ช่วยชีวิต" ลูกสาวของพวกเขาเอง