พระเยซูทรงสอนเรื่องความรอด
โดย โปรดปราน ( พีพี )

หลายปีก่อน มีภาพยนตร์ญี่ปุ่น ฉายที่สถานีโทรทัศน์ช่อง ไอทีวี ชื่อภาษาไทย “ครูซ่า...ปราบขาโจ๋” ฉันสนใจวิธีสอนเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่แสนกวน แสนซนของครู “โอนิสุกะ” ทำให้ฉันเห็นแบบอย่างของคนที่มีวิญญาณของการเป็นครูอย่างแท้จริง โดยให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง มีความอดทน และรักบริสุทธิ์ต่อนักเรียน ยอมเสี่ยงภัยอันตรายเพื่อปกป้องศิษย์ ยอมทนต่อคำกล่าวหา นินทาว่าร้ายต่างๆนาๆ ทนต่อการถูกรังเกียจเหยียดหยามยามที่ถูกเข้าใจผิดจากเพื่อนครูและผู้ปกครอง

....มีประโยคหนึ่งที่ฉันยังจำจนถึงเวลานี้ที่ครูหนุ่มโอนิสุกะกล่าวกับฝ่ายที่เบียดเบียนเขาว่า “ ถึงไม่มีอาคารสถานที่ใต้ฟ้านี้ ที่ไหนๆผมก็สอนได้ ขอให้มีนักเรียนก็เพียงพอแล้ว” ฉันกลับคิดถึง พระอาจารย์ หรือบรมครูที่ยิ่งใหญ่ของโลกนี้ นั่นคือ พระเยซูคริสต์เจ้า ตลอดพระชนม์ชีพที่ทรงทำพันธกิจ พระองค์ทรงเป็นครูตลอดเวลา วิชาเอกที่พระองค์ทรงสอนคือ “วิชาความรอด” หลังจากที่พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย ก่อนเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงกำชับให้เหล่าสาวกสอนวิชาความรอดให้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า และจนมาถึงพวกเราที่ต้องรับภาระนี้ต่อไปตามพระมหาบัญชา


ขอนำผู้อ่านพิจารณาพระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ ๘.๒๔-๓๖ เป็นคำสอนเกี่ยวกับความรอด ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์และโดยพระชนม์ชีพของพระองค์ทรงห่วงใยคนบาป คนที่หลงทางจากพระบิดา พระทัยของพระเยซูเจ้าทรงมีภาระต่อคนเหล่านั้นตลอดเวลา

๑. ทรงสอนถึงความจำเป็นเรื่องความรอด

ปัจจัย๔ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เป็นปัจจัยพื้นฐานฝ่ายกายของมนุษย์ทุกคน แต่มนุษย์มีวิญญาณ ซึ่งต้องคงอยู่ตลอดไป แม้กายจะดับไปแล้ว ดังนั้นเมื่อวิญญาณของมนุษย์จะต้องดำรงอยู่สืบไปจะทำอย่างไร ถึงจะได้อยู่ในส่วนที่พระเจ้าทรงประทับอยู่ด้วย

คริสตชนคงจำได้ดีว่า มนุษย์ถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า อาดัมและเอวาคือมนุษย์คู่แรก พระคัมภีร์บอกว่าผลกระทบของความบาปจากมนุษย์คู่แรก เราจึงแยกจากพระเจ้าตลอดกาล หรืออีกนัยหนึ่ง คือความบาปของมนุษย์คู่แรกส่งผลถึงเราในปัจจุบัน ความบาปในทัศนะของคริสตชนต่างจากหลักคำสอนของ ศาสนา อื่นๆ

ความบาป ในความหมายของคริสตชน คือตกจากมาตรฐานของพระเจ้า ส่วนผลลัพธ์ของความบาป ต้องแยกจากพระเจ้าถาวร ความบาปนำไปสู่ความตาย ความตายคือ ถูกแยกจากพระเจ้า ความตายเกิดขึ้นเพราะอาดัมไม่เชื่อฟัง การไม่เชื่อฟังของเขาทำให้เขาตกมาตรฐานที่พระเจ้าตั้งไว้ ( ดูปฐมกาลบทที่ ๓ ) ผลกระทบจากความบาปของอาดัมส่งถึงมนุษย์ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกชนชั้นวรรณะ ซึ่งทำให้มนุษย์ต้องตาย “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย” เล็งถึงความตายฝ่ายวิญญาณ และตายนิรันดร์

พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาในโลกนี้เพื่อให้โอกาสแก่มนุษย์ ให้เขาเริ่มต้นจากจุดที่เขายืนอยู่ เขาไม่ต้องแสวงหาวิธีไปพบองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยวิธีอื่นๆ หรือโดยนามของพระ หรือ คำสอน หรือ ข้อปฏิบัติอื่นๆ เพราะพระเยซูเจ้าตรัสชัดเจนว่า “นามอื่นทั่วใต้ฟ้าความรอดไม่มี” ทรงประกาศต่อว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงแห่งชีวิต ไม่มีผู้ใดมาหาพระบิดาได้นอกจากทางเรา” ผู้อ่านคงจะเห็นด้วยกับผู้เขียนว่า พระเยซูคริสต์ทรงสอนอย่างชัดเจนเรื่องความรอด ที่พระเจ้าทรงประทานให้มนุษย์ทั่วใต้ฟ้าว่า ต้องไปหาพระเจ้าโดยนามเยซู เท่านั้น

มีเรื่องเล่าว่ามีชายคนหนึ่งใช้เรือข้ามฟากสม่ำเสมอ วันหนึ่งเขามาสายเรือกำลังถอยออกจากท่าจอด ดังนั้น เขาจึงกระโดดลงเรือเหมือนที่เคยทำประจำ อนิจจาเพราะครั้งนี้เขาพลาด ร่างกายของเขา จึงตกลงไปในแม่น้ำ ที่ลึก และน้ำไหลเชี่ยว ซ้ำร้ายคือเขาว่ายน้ำไม่เป็น ขณะที่ทุกๆคนในเรือตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ ส่วนชายคนนี้ กำลังต่อสู้กับสายน้ำแสนเชี่ยวนั้น นายท้ายเรือ โยนห่วงยางไปที่ชายคนนั้น และชายคนนั้นรีบคว้าห่วงยางไว้แน่น ทันใดนั้นผู้โดยสารหลายคนได้สติ ก็ช่วยกันดึงห่วงยางที่ชายคนนั้นเกาะมาที่เรือ และผู้โดยสารบางคน ก็ยื่นมือไปฉุดเขาขึ้นมาบนเรือ บางคนหาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าเช็ดตา บางคนโอบไหล่ปลอบใจ บางคนยิ้มให้กำลังใจ

ชายคนนี้รอดตาย เพราะมีห่วงยางช่วยชีวิตเขา และเขาเองยอมรับการช่วยเหลือ ภาพของชายคนนี้ ทำให้ฉันมองภาพของความรอดแบบนี้คือ เมื่อเรายอมรับว่าเป็นคนบาป ตกอยู่ในความบาป และต้องตายเพราะบาป พระเยซูคริสต์ ทรงยื่นห่วงยางแห่งความรอดให้แล้ว ถ้าเรารีบคว้าเกาะไว้ให้แน่น พระองค์จะทรงฉุดพวกเรา ไว้ แล้วเราจะได้รับความรอด เข้าสู่ชีวิตนิรันดร์แน่นอน “...ท่านจะตายเพราะบาปของท่าน เพราะว่าถ้าท่านมิได้เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านจะต้องตายในการบาปของตัวเอง” (ยอห์น ๘.๒๔ )