๒.ทรงสอนว่าความรอดทำให้มนุษย์เป็นอิสระ
เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์
(ยอห์น ๓.๑๖ )
มนุษย์ทุกคนเป็นศูนย์กลาง หรือกลุ่มเป้าหมายของความรอด พระองค์ทรงประทานความรอดให้มนุษย์ทุกๆคนอย่างยุติธรรมกับมนุษย์ทั้งโลก
ดังนั้นทุกคนสามารถรับความรอดได้ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน มนุษย์ไม่ต้องบนบาน
หรือเซ่นไหว้ หรือติดสินบนใดๆ เงื่อนไขคือ ....วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ
ความรอด: เป็นพระราชกิจของพระเจ้า มนุษย์มิอาจช่วยตัวเองให้พ้นจากกับดักบาปได้
มีพระเจ้าผู้เดียวที่สามารถช่วยเราให้หลุดพ้นได้ ในพระคัมภีร์ใหม่ คำว่า
รอด เป็นกริยาในรูปอดีตกาล ปัจจุบันกาล และอนาคตกาล พระเจ้าได้ส่งพระเยซูเข้ามาในโลกเพื่อ
ช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขา บาปถูกจัดการโดยการสิ้นและคืนพระชนม์ของพระเยซู
โดยความเชื่อในพระเยซูเราก็สามารถรับความรอดทันที ซึ่งของขวัญนี้ให้ทุกคนเปล่าๆ
ไม่ว่าพื้นเพทางศาสนาเชื้อสายหรือฐานะทางสังคมจะเป็นอย่างไร
เพราะว่า ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด
คริสตชนได้รับ ความรอด แล้วเพราะได้รับการอภัยโทษและชีวิตใหม่
แต่เรายังมิได้บรรลุถึงความรอดอันบริบูรณ์จนกว่าจะถึงยุคสุดท้ายที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
แต่ขณะที่รอคอยนี้เราได้รับ ความรอด ทุกๆ วัน
ในพระคัมภีร์เก่าความรอดมิได้หมายถึงแค่ความรอดด้านวิญญาณจิต พระราชกิจแห่งความรอดอันสำคัญที่สุดคือครั้งที่พระเจ้าปลดปล่อยคนอิสราเอลพ้นจากการเป็นทาสในอียิปต์
พระคัมภีร์ใหม่สอนว่าความรอดของพระเจ้ามีผลไม่เพียงต่อชีวิตจิตวิญญาณเท่านั้น
แต่เกี่ยวข้องกับชีวิตทุกด้านด้วย ข้อความที่เกี่ยวข้องกับความรอดในพระคัมภีร์ใหม่มีถึงหนึ่งในสามที่กล่าวเจาะจงถึงการรอดพ้นจากความโชคร้าย
เช่น การจองจำ โรคภัยไข้เจ็บ และการถูกผีสิง เมื่อผู้ใดมาเป็นของพระคริสต์
ความรอดของพระองค์จะมีผลต่อชีวิตทั้งด้านร่างกายและจิตวิญญาณของเขา ทว่ายังจะไม่บรรลุผลสมบูรณ์จนกว่าพระเยซูเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
( ดูเทียบจากมธ. ๑:๒๑; อฟ. ๒.๘-๙; รม.๑๐.๑๓,๑๓.๑๑; ๑ คร.๑.๑๘; ฟป.๒.๑๒;
มธ.๙.๒๑-๒๒; ลก.๘.๓๖ )
ความรอด ทำให้มนุษย์เป็นไท ในสมัยที่พระเยซูเจ้าทรงทำพันธกิจคนยิวตกเป็นทาสของจักรวรรดิโรม
พวกเขาพยามเคร่งครัดในการรักษาธรรมบัญญัติ เพื่อจะเป็นคนดีพร้อม สำหรับเรื่องความรอดแล้ว
ไม่มีใครดีพร้อมที่จะปลดปล่อยตัวเองจากการเป็นทาสของความบาป ที่นำไปสู่ความตายนิรันดร์
ยกเว้น คนที่ยอมรับการช่วยเหลือ จากชายที่ชื่อ เยซู เพราะว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นทางนั้น
ทรงเป็นความจริง และทรงเป็นชีวิตไม่มีใครไปถึงพระบิดาเจ้าได้นอกจากทางพระเยซูคริสต์
คือไม่ต้องตกเป็นทาสของความบาป เป็นอิสระ มีเสรีภาพ พ้นจากการพิพากษาลงโทษเพราะบาป
ได้รับเสรีภาพนิรันดร์ ฝ่ายวิญญาณจิตไม่ต้องตาย
ผู้เขียนมีโอกาสไปเยี่ยม เพื่อน และหาข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ที่ประเทศกัมพูชาสองครั้ง
ทุกครั้งตลอดเวลาที่ พำนักที่นั่นได้รับฟังเรื่องราวความทุกข์ยาก ความเจ็บปวดจากบาดแผลของสงครามกลางเมือง
ตลอดเวลา ๒๕ ปี มีการเข่นฆ่า ทารุณกรรมมากมาย ฉันสนใจมากเป็นพิเศษคือช่วงการปกครองของ
นายพลพต โดยเฉพาะกรณีทุ่งสังหาร และ มีโอกาสฟังเรื่องเล่าจากสุภาพสตรีเชื้อสายจีน-ขะแมร์
ท่านหนึ่งเล่าถึงครอบครัวของเธอ เองและของคริสเตียนท่านหนึ่งที่พำนักในประเทศไทย
( ซึ่งเมื่อฉันพักในพนมเปญทุกครั้งท่านจะอำนวยความสะดวกเรื่องพาหนะจัดรถและคนขับไว้บริการ
) เรื่องมีอยู่ว่า มีครอบครัวชาวเขมรเชื้อสายจีนสองครอบครัวทำธุรกิจที่เมืองไพลิน
ธุรกิจไปได้ดี ฐานะร่ำรวย หัวหน้าครอบครัวทั้งสองฟังข่าวกรองว่า ปีนั้น
( ค.ศ. ๑๙๗๕ )ช่วงสงกรานต์กองทัพเขมรแดงจะบุกทุกเมืองใหญ่ ขณะนั้นบ้านเมืองสงบ
ประชาชนสนุกสนานรื่นเริง หัวหน้าครอบครัวแรก (ฉันรู้จักเพราะนมัสการที่คริสตจักรหนึ่งในกรุงเทพฯ
) เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เขา และพี่ๆน้องๆได้เก็บทรัพย์สินที่มีค่าอพยพมาที่ประเทศไทย
ส่วนพี่น้องคนอื่นๆอพยพไปที่ประเทศฝรั่งเศสและประเทศออสเตรเลีย ส่วนอีกครอบครัวหัวหน้าครอบครัวไม่เชื่อข่าวนั้น
เพราะบ้านเมืองสงบมาก การทำมาหากินไปได้ดี ในที่สุดเมื่อ วันที่ ๑๗ เมษายน
๑๙๗๕ กองทัพเขมรแดงของนายพลพต เข้าล้อม โจมตีเมืองใหญ่ ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว
พวกเขาถูกต้อนออกจากเมืองไปชนบท ตลอดเวลา ๕ ปี เกิดการสูญเสียมากมาย เช่นเขาสูญเสียภรรยาเพราะเจ็บป่วยไม่ได้รับการรักษา
ลูกบางคนติดคุก บางคนถูกกักกันและต้องทำงานหนักมาก ในปี ๑๙๗๙ เมื่อทหารของเวียดนามเข้าปกครองเขมรแทนกองทัพเขมรแดง
ครอบครัวนี้สามารถลี้ภัยเข้าศูนย์อพยพในประเทศไทย และต่อมาได้อพยพไปประเทศที่
๓
เมื่อฟังเรื่องจริงของชาวเขมรเชื้อสายจีน สองครอบครัวนี้จบ ทำให้ฉันคิดถึงความรอดในพระเยซูคริสต์
ซึ่งพระองค์ ทรงสั่งสอนเรื่องนี้ด้วยพระองค์ เอง และด้วยชีวิตจริง คือ
ความตายบนไม้กางเขน ก่อนสิ้นพระชนม์ พระองค์ประกาศว่า สำเร็จแล้ว
เพราะความตายของพระเยซูคริสต์ในวันนั้น คือการลบล้างความผิดบาป เพื่อมนุษย์จะได้รับความรอด
และชีวิตนิรันดร์ ตามเงื่อนไข คือ คนที่เชื่อ และวางใจ ( เชื่อ )จะไม่พินาศ
แต่มีสักกี่คนที่เชื่อว่า ข่าวดีคือ การวายพระชนม์ของพระเยซูคริสต์นั้นมีผลต่อการอภัยบาปและผู้เชื่อพระองค์ได้รับความรอดเข้าส่วนในชีวิตนิรันดร์นั้นเป็นความจริง
(
ตีพิมพ์ในอิสระรายปักษ์ ปักษ์หลัง เดือน มกราคม 2005 )
และ http://www.issara.com/article/jesusteach.html