ในคำบรรยายภาพของบุคคลต่างๆ
ที่เห็นอยู่ในพระเนตรแม่พระนั้น ดร.อัสเต ตอนสมานน์ ยังได้ระบุเอกลักษณ์ของหญิงสาวผิวดำคนหนึ่งอีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้เกิดความตกตะลึกเป็นอย่างมากในหมู่นักวิชาการ เนื่องจากในขณะที่แม่พระประจักษ์นั้น
ในประเทศเม็กซิกันยังไม่มีคนผิวดำสักคน อย่างไรก็ดี การวิจัยครั้งหลังๆ
ได้ให้ความกระจ่างกับความลี้ลับนี้แล้ว ในพินัยกรรมของพระสังฆราชเขียนไว้ว่า
ท่านมีทาสสาวผิวดำคนหนึ่งซึ่งท่านต้องการจะปลดปล่อยก่อนที่ท่านจะถึงแก่มรณภาพ
ถัดจากบุคคล ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งได้รับการบรรยายลักษณะอย่างบริบูรณ์ในคำบอกเล่าถึงอัศจรรย์ที่เขียนขึ้นเวลานั้น
ดร.อัสเต ตอนสมานน์ ตรวจพบภาพเหตุการณ์ที่ห่างจากภาพเหตุการณ์แรกเกือบไกลสุด
เป็นกลุ่มบุคคลนิรนาม ซึ่งอาจเป็นตัวแทนของครอบครัวอัซเต็ก ที่ประกอบด้วยพ่อแม่
ปู่ย่าหรือตายายและเด็กสามคน
ดร.อัสเต
ตอนสมานน์ใคร่ครวญถึงการตรวจพบทางวิทยาศาสตร์ศูนย์การวิจัยแห่งกวาเดอลูปโดยอ้างทฤษฎีที่เป็นไปได้ในฐานะผู้เชื่อ
ท่านกล่าวว่าภาพเหตุการณ์ที่ตรวจพบ อาจเป็น ข่าวสาร จากแม่พระแห่งกวาเดอลูป
ข่าวสารที่มุ่งหมายจะไขในเวลาขณะนี้เพราะแม่พระทราบว่า ความลับที่บรรจุอยู่ในพระเนตรจะตรวจพบได้
ก็โดยเทคโนโลยีสมัยใหม่เท่านั้น ภาพบุคคลนิรนามอาจบ่งบอกความสำคัญของครอบครัวและคุณค่าของครอบครัวได้
การทอดพระเนตรมองบุคคลเชื้อชาติผสมของแม่พระ อาจเป็นคำเตือนต่อต้านการแบ่งเชื้อชาติก็ได้
ผ้าคลุมซึ่งสำหรับชาวอัซเต็กแล้ว เป็นสิ่งของที่ใช้ในการทำงานยิ่งกว่าจะเป็นเครื่องนุ่งห่ม
อาจเป็นคำเชื้อเชิญให้ใช้เทคโนโลยี เพื่อเผยแผ่พระวาจาของพระคริสตเจ้าก็ได้
นิตยสารราย
2 เดือน ปีที่ 25 ฉบับที่ 141 พฤษภาคม มิถุนายน 2005 หน้าที่ 4 8 :
สำนักพิมพ์แม่พระยุคใหม่ กรุงเทพฯ.