เบาะแสในพระคัมภีร์ : กาเวนต้า นักเทววิทยาแห่งโรงเรียนสอนศาสนา
พรินเซต้อน แปลกใจมากเมื่อพบว่าเรื่องของพระนางมารีย์ถูกพูดถึงน้อยเพียงไรในหมู่นักวิชาการโปรแตสแตนท์
ในปี 1989
เบเวอรี่ กาเวนต้า ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ แห่ง พรินเซตอน ได้รับการติดต่อให้เขียนบทความเกี่ยวกับพระนางมารีย์
เพื่อนำไปรวมกับบทความงานเขียนอื่นๆของหนังสือ บุคคลสำคัญในพันธสัญญาใหม่
(Personalities of the New Testament) ตัวเธอนั้นไม่ค่อยรู้อะไรมากเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องของพระนางเลย
แต่เธอยิ่งแปลกใจมากกว่านั้นที่เพื่อนๆของเธอคนอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เช่นกัน
เรายินดีมากกว่าที่จะพูดพรรณนาถึง มารีย์ มักดาลีน หรือพูดถึงใครก็ตามที่เรารู้จักมากกว่านี้เธอกล่าว
คุณสามารถหาบทความ งานเขียน จำนวนนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในพระคัมภีร์
แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ อย่างเรื่องความสงสัยของนักบุญโทมัส แต่เรื่องของพระนางมารีย์ที่เชิงกางเขนกลับมีอยู่น้อยเอาเสียมาก
ๆ
เธอยังมีเรื่องที่น่าตกตะลึงเสียยิ่งกว่านี้อีก ในตอนที่เธอได้รับเชิญให้ไปกล่าวบรรยายที่โบสถ์ของพวกเขา
ดิฉันจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับพระนางมารีย์เสียหน่อย
เธอกล่าวก่อนเริ่มบรรยาย ก่อนจะตามมาด้วยความเงียบตะลึงงงงันของผู้ฟัง
คือว่า พวกเราเป็นโปรแตสแตนท์กันเกือบทั้งหมดนะครับ ผู้ฟังตอบกลับมา
เรื่องนี้อาจดูเป็นเรื่องน่าอายสำหรับตัวเธอ แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอบอกว่าเธอพยายามจะสื่อถ่ายทอดเรื่องของพระแม่มารีย์ลงไปในวิธีแบบโปรแตสแตนท์
เรา โปรแตสแตนท์ ภูมิใจที่เราเป็นคนรู้พระคัมภีร์
หมั่นอ่านพระคัมภีร์อยู่เป็นนิจ ดังนั้นเรามาอ่านพระคัมภีร์กันเถอะ และดูสิว่าเราพบอะไรในนั้นบ้าง
เรื่องที่เธอได้พูดออกไป
และ เรื่องที่ชาวโปรแตสแตนท์ละเลยมาเป็นเวลาร่วมศตวรรษ
เป็นเรื่องของสตรีผู้หนึ่ง ที่ถูกพูดถึง และ ปรากฏในพระคัมภีร์ ในแบบที่แยบยล
และ เด่นชัดยิ่งกว่าบุคคลอื่นใดในพระคัมภีร์ รองจากพระเยซูเจ้า
ใช่แล้ว จากเหตุการณ์เทวทูตแจ้งสารแก่พระนางนั่นเอง จากคำถามของพระนางที่ถามว่า
เหตุการณ์นี้จะเกิดกับข้าพเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าไม่มีสามี
กับการตามมาด้วยการยินยอมอย่างเต็มตัวของพระนาง (หลังได้รับคำตอบจากเทวดากาเบียรล)
จากคำสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่แสดงถึงการถวายตัวของพระนาง ว่า
ขอให้เป็นไปตามนั้นเถิด
(Let it be)
และบทที่เด่นชัดรองลงมาคงไม่พ้นเรื่องที่พระนางเสด็จไปเยี่ยมนางเอลีซาเบ็ธ
กับบทสดุดีของพระนางที่เริ่มต้นว่า
วิญญาณข้าพเจ้าถวายสดุดีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า... (ที่มาของบท Magnificat)
ตามมาด้วยการพยากรณ์ว่า
ตั้งแต่นี้ต่อไปคนทุกยุคทุกสมัยจะเรียกข้าพเจ้าว่าเป็นผู้มีบุญ
บททั้งหมดนี้มีกล่าวถึงในพระคัมภีร์อย่างชัดเจน และ แยบยล โดยไม่อาจจะปฏิเสธหรือละเลยไปได้
ทั้งหมดนี้สื่อแสดงอย่างชัดเจนว่า ทรงคว่ำผู้ทรงอำนาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น
พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า
ในขณะที่ทุก
ๆ คนจำบทบาทของพระนางมารีย์ในฐานะผู้ให้กำเนิดพระผู้ไถ่ ได้ในเดือนธันวาคมของทุกปี
แต่หลาย ๆ คน กลับลืมบทบาทของพระนางหลังจากนั้นเสียสิ้น เหตุการณ์หลาย
ๆ เหตุการณ์ที่เกิดตามมาหลังจากนั้น การถวายพระกุมารในพระวิหาร กับการเข้าเฝ้าพระกุมารของ
ซีเมโอน และประโยคที่เขาพูดว่า ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน
เช่นกัน ในบทบาทของพระนางในการตามหาพระกุมารวัย
12 ที่หายตัวไป และบทบาทของพระนางที่ด้วยการขอร้องของพระนาง พระเยซูจึงได้ทรงกระทำการอัศจรรย์ครั้งแรกในการเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่นที่งานแต่งงานที่คานา
แต่การละเลยแสร้งทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจในเหตุการณ์
และบทบาทของพระนางทั้งหมดนี้ยังไม่เท่ากับการละเลยต่อเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด
คือ บทบาทของพระนางแทบเชิงกางเขน แม้พระวรสาร 3 บทแรกจะไม่ได้กล่าวตรง
ๆ ถึงพระนาง แต่เราก็แน่ใจได้ว่าพระนางอยู่ด้วยตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นและสัมผัสถึงพระมหาทรมานทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพระบุตรของพระนาง
ก่อนยามที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์
พระองค์ตรัสกับพระนางว่า
หญิงเอ๋ย จงแลดูบุตรของท่านเถิด
แล้วจึงตรัสกับอัครสาวกยอห์นว่า
บุตรเอ๋ย จงแลดูมารดาของท่านเถิด
ส่วนบทบาทสำคัญสุดท้ายของพระนางคือการได้รับพระจิตเจ้าร่วมกับบรรดาอัครสาวก
ในฐานะสตรีเพียงคนเดียว ณ ที่นั้น ที่ได้รับพระจิตเจ้า ทั้งหมดนี้คือบทบาทสำคัญของพระนางมารีย์ที่ปรากฏอย่างเด่นชัดในพระคัมภีร์
แต่บทบาทเหล่านี้ของพระนางกลับถูกละเลยมองข้าม หรือไม่ให้ความสำคัญที่คู่ควรเพียงพอ
ไปอย่างน่าเสียดาย