ช่วงเวลาทางธรณีวิทยา

มาตรเวลาทางธรณีวิทยา คือแผนภาพที่นักวิทยาศาสตร์ และ ผู้เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ เชื่อว่าเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเริ่มกว่าล้านปีมาแล้ว ทฤษฎีวิวัฒนาการกล่าวไว้ว่าสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์น้ำที่มีกระดอง หรือ เปลือกแข็งหุ้ม (Crustacea) เป็นสิ่งมีชีวิตยุคแรกๆที่วิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตเซลเดียวอีกที แล้วจึงวิวัฒนาการต่อๆไปในรูปแบบที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เป็น ปลา สัตว์เลื้อยคลาน และ แมลง แล้วจึงวิวัฒนาการมากลายเป็นสัตว์ในยุค Mesozoic และวิวัฒนาการต่อๆมาจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างที่เรารู้จักในทุกวันนี้

แต่ละยุคช่วงเวลาทางธรณีวิทยาเกี่ยวเนื่องกับหลักฐานทางฟอสซิลที่เราพบในชั้นหินแต่ละช่วง ฟอสซิลที่พบในแต่ละชั้นหินทำให้เราทราบถึงอายุของฟอสซิลนั้นๆ ปัญหาคือนักธรณีวิทยาประเมินอายุของฟอสซิลจากการตรวจสอบชั้นหินที่พบ ซึ่งอาจเป็นวิธีที่ผิดในการประเมินอายุของฟอสซิลที่พบ สมมุติว่าเราเริ่มขุดตั้งแต่ส่วนตีนหุบเขา ประเมินอายุทางธรณีวิทยาตามความลึกที่เพิ่มขึ้นแล้วจึงตรวจสอบฟอสซิลที่พบ โดยที่ตะกอนรอบๆอาจคลุมรอบๆฟอสซิลนั้นและทำให้ฟอสซิลนั้นอยู่ในชั้นของดินที่แข็งกลายเป็นหินในภายหลัง ทฤษฎีวิวัฒนการว่าไว้ว่าทุกๆการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างช้าๆ และ มีรูปแบบแบบแผน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจมอยู่ในตะกอนจนกลายเป็นฟอสซิลได้อย่างไร และพวกมันทำอย่างไรจึงคงสภาพอยู่โดยไม่เน่าสลายไปก่อนที่จะจมอยู่ในกองตะกอนอย่างช้าๆ

ในความเป็นจริงแล้ว กระดูก และ ฟอสซิลทั้งหมดที่น่าจะถูกพบตามหลักทฤษฎีนั้นกลับไม่มีใครค้นพบ ทำไมจุดที่ขาดหายของวิวัฒนาการไม่ถูกพบในรูปฟอสซิลเลย ฟอสซิลถูกห้อมล้อมด้วยกองตะกอนอย่างเร็วมากก่อนที่มันจะเน่าเสียไป จากจำนวนพันล้านฟอสซิลที่ถูกพบจนถึงทุกวันนี้กลับไม่มีฟอสซิลของการวิวัฒนาการที่ขาดหายไปเลย เราอาจไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการกำเนิดฟอสซิลและชั้นหินแต่ละชั้น แต่ข้อสันนิษฐานคือฟอสซิลเข้าไปติดในชั้นหินได้ด้วยการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก แต่บางทฤษฎีก็ว่าตะกอนเหล่านั้นเกิดจากการระเบิดตัวของดินที่มาจากช่องเขาที่ปกคลุมชั้นเขาด้านล่าง หรือแม้แต่การที่น้ำท่วมก็สามารถสร้างสภาพตะกอนทับถมได้ ว่ากันว่าหากเปลี่ยนจุดในการสำรวจจากใต้หุบเขาเป็นข้างๆหุบเขาแทน หลักฐานทางธรณีวิทยาจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ถ้าเราต้องการวิเคราะห์อายุของชั้นหิน เราต้องวิเคราะห์ก่อนว่าชั้นหินนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เราไม่สามารถบอกว่าเราจะขุดจุดหนึ่งๆในหุบเขาแล้วสามารถสรุปทั้งหมดในบริเวณนั้นได้ แต่เราต้องรวบรวมหลักฐานจากพื้นที่ทั้งหมดด้วย