ทฤษฎีวิวัฒนาการไม่สามารถตอบคำถามได้

เป็นเรื่องน่าคิดว่า นักวิทยาศาสตร์,ถึงแม้จะใช้ความพยายามนับแรมปีในห้องทดลองทั่วโลก ก็ยังไม่สามารถสร้างได้แม้แต่เส้นผมของมนุษย์เพียงเส้นเดียว. แล้วการที่จะสร้างร่างกายมนุษย์ที่ประกอบด้วย 100 ล้านล้านเซลส์ จะยิ่งยากลำบากนักหนาสักเพียงไร

จนกระทั่งบัดนี้ ทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินก็ยังพยายามหาคำอธิบายเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับความสลับซับซ้อนของชีวิต. แต่พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก: นั่นคือ ความบังเอิญจะทำให้เกิดข้อมูลจำเพาะเจาะจงที่แม่นยำขึ้นมาได้อย่างไร - โดยการผ่าเหล่าและการเลือกสรรทางธรรมชาติหรือ? เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีกลไกอัจฉริยะที่จำเป็นสำหรับการสร้างข้อมูลที่สลับซับซ้อน ที่เทียบได้กับรหัสพันธุกรรม.

ทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินยังคงถูกสอนในโรงเรียนราวกับว่ามันเป็นความจริง. แต่มีนักวิทยาศาสตร์จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆที่เริ่มต้องการให้มีปรับปรุงเสียใหมแพทริก กลีน ผู้ที่เคยเชื่อว่าไม่มีพระเป็นเจ้าได้กล่าวว่า "เหมือนเมื่อ 25 ปีก่อน, นักคิดได้วิเคราะห์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้เหตุผลในเรื่องที่ยังเคลือบแคลงสงสัยอยู่ (เกี่ยวการเนรมิตสร้าง) แต่นั่นไม่เป็นปัญหาต่อไปแล้ว ปัจจุบันนี้มีข้อมูลที่หนักแน่นที่ชี้ชัดไปยังสมมุติฐานเรื่องพระเป็นเจ้า. มันเป็นผลลัพท์ที่ง่ายและแจ่มชัดที่สุด...."(God : The Evidence, 1997, pp. 54 - 55,53)

คุณภาพของข้อมูลพันธุกรรมคงเดิมเสมอ

ทฤษฎีวิวัฒนาการบอกเราว่าสิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการโดยผ่านการผ่าเหล่าและการเลือกสรรทางธรรมชาติ. การวิวัฒนาการหมายถึงการค่อยๆเปลี่ยนแปลงรูปแบบบางอย่างของสิ่งมีชีวิตบางชนิดจนกระทั่งกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอีกประเภทหนึ่ง และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลพันธุกรรม.

แล้วเราพบอะไรในรหัสพันธุกรรม? เราพบว่าคุณภาพพื้นฐานของข้อมูลในแบคทีเรียหรือพืชนั้นเทียบเท่ากับมนุษย์. แบคทีเรียมีรหัสพันธุกรรมที่สั้นกว่า, แต่มีคุณภาพของคำสั่งแม่นยำและถูกต้องเท่าเทียมกับของมนุษย์. มีความถูกต้องของภาษา,ไวยากรณ์และสัญลักษณ์ในแบคทีเรีย,แอลจีเช่นเดียวกับมนุษย์.

นักชีวะวิทยา ไมเคิล เดนตันได้พูดว่า "ข้อมูลพันธุกรรมในแต่ละเซลส์, จากแบคทีเรียมาถึงมนุษย์,ประกอบด้วยภาษาและระบบกลไกการเข้ารหัส,ธนาคารความจำสำหรับเก็บข้อมูลและส่งข้อมูล,ระบบควบคุมที่น่าทึ่งในการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ,ระบบควบคุมคุณภาพที่แก้ไขข้อบกพร่องและตรวจสอบการอ่านรหัสที่มีคุณภาพสูง, ขบวนการประกอบชิ้นส่วนที่มีหลักการของการขี้นรูปโครงสร้างและการจำลองรูปแบบ.... (และ) ความสามารถที่เครื่องมือทันสมัยของมนุษย์ไม่สามารถแข่งขันได้, เพราะมันสามารถจะจำลองและผลิตโครงสร้างใหม่ทั้งหมดได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง" (Denton, p. 329)

แล้วรหัสพันธุกรรมของ DNA จะค่อยๆวิวัฒนาการไปเป็นข้อมูลของสิ่งมีชีวิตอื่นได้อย่างไร ในเมื่อถ้าหากมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในล้านตัวอักษรของ DNA อาจทำให้แบคทีเรียนั้นตายได้!?

นักวิวัฒนาการวิทยากลับนิ่งเฉยในเรื่องนี้. พวกเขาไม่มีความคิดที่จะหาสมมุติฐานมาอธิบาย ลี สโตรเบลเขียนไว้ว่า : "ขด DNA ยาว 6 ฟุตภายในเซลส์มนุษย์จำนวน ร้อยล้านล้านเซลส์ประกอบด้วยตัวอักษรรหัสเคมีเพียง 4 ตัวที่ประกอบกันและสะกดออกมาเป็นคำสั่งอันแม่นยำสำหรับรูปแบบของโปรตีนทั้งหมดของร่างกายมนุษย์...ยังไม่สมมุติฐานใดที่จะอธิบายถึงวิธีการที่จะรับและส่งข้อมูลไปสู่สารชีวะภาพเพื่อก่อกำเนิดรูปแบบทางชีวะโดยวิธีทางธรรมชาติ" (Strobel, p. 282 )

โปรเฟสเซอร์ด้านระบบข้อมูล, เวอร์เนอร์ กิท, สรุปว่า : "ข้อบกพร่องพื้นฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการคือ"จุดกำเนิดของข้อมูลในสิ่งมีชีวิต" ยังไม่เคยมีการพิสูจน์ให้เห็นเลยว่าระบบการเข้ารหัสและข้อมูลสัญลักษณ์จะก่อกำเนิดขึ้นมาได้ด้วยตัวของมันเอง(โดยอาศัยสสาร)....โดยทฤษฎีแล้วสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้. สารบริสุทธิ์ที่เป็นจุดกำเนิดของชีวิตไม่สามารถทำได้" (Gitt, p. 124)