เทวดาที่อยู่ถัดจากองค์แรกๆมามือเปล่า แม่พระตรัส “เทวดาเหล่านั้นเป็นอา
รักขเทวดาของคนที่มาที่นี่แต่ไม่เคยถวายอะไร เขาเหล่านั้นไม่ได้ร่วมส่วนในช่วง
พิธีกรรม แล้วก็ไม่มีของบรรณาการที่จะนำมาถวายหน้าแท่นบูชาของพระเจ้า”



ท้ายขบวนนั้นมีบรรดาเทวดาที่ออกจะหน้าเศร้ากว่าเพื่อน พนมมือภาวนาแต่
หลุบสายตาลงต่ำ “เทวดาเหล่านี้เป็นอารักขเทวดาของคนที่ฝืนใจมาร่วมมิสซา
นั่นก็คือคนที่ถูกบังคับให้มา คนที่มาเพราะเป็นวันฉลองบังคับแต่ไม่ได้อยากมา
เทวดาเหล่านั้นเดินไปยังพระแท่นอย่างเศร้าสร้อยเพราะไม่มีอะไรที่จะนำไปถวาย
นอกจากคำภาวนาของพวกเขาเองเท่านั้น... อย่าทำให้อารักขเทวดาของลูกเศร้า
เสียใจเลยนะ จงวอนขอให้มาก วอนขอเพื่อให้คนบาปกลับใจ เพื่อสันติภาพของ
โลก เพื่อครอบครัวของลูก เพื่อเพื่อนบ้านของลูก เพื่อผู้ที่ขอคำภาวนาจากลูก จง
ขอ...ขอให้มาก...แต่มิใช่เพื่อตัวลูกเองเท่านั้น แต่เพื่อผู้อื่นด้วย ...จงระลึกไว้เถิด
ว่าของถวายที่พระเจ้าโปรดปรานที่สุดคือการที่ลูกถวายตัวของลูกเองเป็นเครื่อง
บูชา เพื่อว่าเมื่อพระเยซูเจ้าทรงถ่อมองค์ลงมา พระองค์จะได้เปลี่ยนสภาพลูกด้วย
เดชะพระบารมีของพระองค์ ตัวลูกเองนั้นมีสิ่งใดจะถวายแด่พระบิดาเจ้าหรือ ไม่มี
อะไรเลยนอกจากบาป แต่การถวายตัวลูกร่วมกับบุญกุศลของพระเยซูเจ้าต่างหาก
ที่ทำให้ของถวายนั้นเป็นที่สบพระทัยพระบิดา”



ภาพขบวนเทวดาที่แลเห็นนั้นงดงามเหลือจะเปรียบปาน ชาวสวรรค์เหล่านั้น
คำนับลงหน้าพระแท่น บางองค์วางของถวายไว้ที่พื้น บางองค์ก้มกราบจนศีรษะ
เกือบจรดพื้น แล้วทันทีที่พวกเขาเดินไปถึงพระแท่น พวกเขาก็หายวับไปกับตา

พอถึงช่วงท้ายของบทขอบพระคุณเมื่อผู้มาร่วมชุมนุมกล่าว “ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์
สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์”
ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหลังพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีก็อันตรธานหายไป
ในบัดดล นิกรเทวดาจำนวนหลายพันปรากฏองค์เป็นแนวทแยงด้านหลังทางซ้าย
มือของพระอัครสังฆราช ทุกองค์สวมชุดยาว คุกเข่าลง พนมมือในท่าภาวนาและ
ก้มศีรษะแสดงความเคารพ ฉันได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะเสนาะโสตราวกับมีนิกร
เทวดาหลายหมู่เหล่ามาร่วมขับเพลงประสานเป็นเสียงเดียวกับมนุษย์ว่า ศักดิ์สิทธิ์
ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์...