ภาคบทขอบพระคุณเป็นช่วงมหัศจรรย์ยิ่ง เบื้องหลังทางขวามือของพระอัคร
สังฆราชนั้นมีฝูงชนกลุ่มใหญ่ปรากฏกายขึ้นเป็นแนวทแยง พวกเขาสวมชุดยาวสี
เฉดอ่อนหลากสี ใบหน้ามีสง่าราศีดูราวกับพวกเขาอยู่ในวัยเดียวกัน พวกเขา
คุกเข่าลงด้วยตอนขับร้องศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าจอมจักรวาล...”

แม่พระตรัสดังนี้ “พวกเขาคือบรรดานักบุญและผู้ศักดิ์สิทธิ์ชาวสวรรค์และใน
ท่ามกลางเขาเหล่านั้นคือญาติพี่น้องของลูกที่ได้ชื่นชมพระบารมีพระเป็นเจ้าแล้ว”


แล้วฉันก็เห็นแม่พระทางด้านขวาของพระอัครสังฆราชห่างจากท่านก้าวหนึ่ง พระ
แม่ลอยอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย คุกเข่าอยู่บนพัสตราภรณ์บางใสช่วงโชติเหมือนผืน
น้ำที่ใสเหมือนผลึก แม่พระพนมมือ มองมายังพระอัครสังฆราชอย่างสำรวมและ
อย่างยกย่องให้เกียรติ แม่พระตรัสกับฉันทางจิตจากตรงนั้นโดยมิได้มองมาทางฉัน

“ลูกแปลกใจใช่ไหมที่เห็นแม่อยู่เบื้องหลังพระคุณเจ้า (พระอัครสังฆราช) นี่
คือสิ่งที่ควรเป็น... พระบุตรทุ่มเทความรักให้แม่ก็จริง แต่พระองค์มิได้ประทาน
ศักดิ์ศรีให้สองมือแม่สำแดงอัศจรรย์ทุกวันเหมือนอย่างพระสงฆ์ แม่จึงยกย่องพระ
สงฆ์อย่างยิ่งและให้เกียรติแก่อัศจรรย์ที่พระเป็นเจ้าทรงดำเนินการผ่านพระสงฆ์ซึ่ง
ทำให้แม่จำเป็นต้องคุกเข่าอยู่ตรงนี้เบื้องหลังท่าน”
เราบางคนไม่ได้สำนึกด้วยซ้ำไป
ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานศักดิ์ศรีและพระหรรษทานแก่พระสงฆ์มากมายขนาด
ไหนในเรื่องนี้

หน้าพระแท่นปรากฏเงาทึมๆของผู้คนที่ชูมือขึ้น แม่พระตรัสดังนี้ “บุคคล
เหล่านี้คือวิญญาณในไฟชำระผู้รอรับคำภาวนาจากลูกเพื่อชุบชูวิญญาณ อย่าหยุด
สวดให้เขาเหล่านั้น พวกเขาสวดให้ลูกแต่ไม่สามารถสวดให้ตัวเองได้ ลูกนั่นแหละ
ที่ควรสวดให้พวกเขาเพื่อช่วยพวกเขาให้พ้นจากไฟชำระเร็วขึ้น เพื่อจะได้ไปอยู่กับ
พระเป็นเจ้าและชื่นชมพระองค์ไปตลอดนิรันดร”



“ทีนี้ลูกก็เห็นแล้วสินะว่าแม่อยู่ที่นี่ตลอดเวลา ผู้คนพากันไปจาริกแสวงบุญ
เพื่อแสวงหาแม่ในสถานที่ที่แม่เคยประจักษ์ ก็เป็นเรื่องดีนะ เพราะเขาได้รับพระ
หรรษทานนานัปการที่นั่น แต่ระหว่างที่แม่มิได้ประจักษ์นั้น ไม่มีที่ไหนที่แม่อยู่มาก
ไปกว่าระหว่างพิธีมิสซา ลูกจะพบแม่ได้เสมอที่เชิงพระแท่นที่กำลังมีพิธีมิสซา
ที่ฐานของตู้ศีล แม่อยู่ตรงนั้นพร้อมกับเทวดาเพราะแม่อยู่กับพระองค์เสมอ”