การได้ชื่นชมพระพักตร์พระแม่ในช่วงที่กล่าวคำว่า “ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์
ศักดิ์สิทธิ์...” อีกทั้งได้เห็นดวงหน้าอื่นๆที่บ่งบอกถึงความสุข พนมมือรอคอย
อัศจรรย์ที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างต่อเนื่องนั้นเหมือนได้อยู่ในสวรรค์ไม่มีผิด แล้ว
ฉันก็นึกถึงคนที่วักแวกพูดคุยกันในช่วงเวลานั้น ฉันเสียใจที่ต้องบอกท่านว่าผู้ชาย
ส่วนใหญ่ชอบยืนกอดอกราวกับเขาแสดงความเคารพต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าในระดับ
เดียวกับที่เขาแสดงความเคารพต่อมนุษย์คนอื่นๆ แม่พระตรัสดังนี้
“จงบอกทุกคนด้วยว่า มนุษย์ดูยิ่งใหญ่ขึ้นเมื่อเขาคุกเข่าลง
เฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า”



พอถึงบทขอบพระคุณ พระอัครสังฆราชกล่าวบทเสกศีล ท่านเป็นคนร่างสูง
ปานกลาง แต่ท่านเริ่มสูงขึ้นในบัดดล ท่านเปี่ยมไปด้วยแสงสว่าง มีแสงเหนือ
ธรรมชาติสีทองเรื่อๆโอบคลุมท่านและส่งประกายเจิดจ้าบริเวณใบหน้า ฉันจึงมอง
ไม่เห็นเด่นชัด ฉันเห็นมือท่านตอนที่ท่านยกแผ่นศีล และที่หลังมือของท่าน
ปรากฏรอยตำหนิที่ส่งแสงเจิดจ้าออกมา เป็นพระเยซูเจ้านั่นเอง! เป็นพระองค์เอง
ที่สวมร่างของพระอัครสังฆราชราวกับพระองค์โอบมือท่านไว้ด้วยความรัก ในชั่ว
ขณะนั้นเอง แผ่นศีลเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเป็นแผ่นศีลขนาดมหึมา และในแผ่นศีลนั้น
ปรากฏพระพักตร์พระเยซูเจ้ากำลังมองมายังประชากรของพระองค์



ฉันก้มศีรษะลงโดยสัญชาตญาณ แล้วแม่พระตรัสดังนี้ “อย่ามองลง จงเงย
หน้าขึ้นมองพระองค์ พิจารณาพระองค์ สบตาพระองค์ แล้วสวดบทภาวนาของ
ฟาติมาตามแม่ดังนี้ “ข้าแต่พระเจ้า ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกนมัสการพระองค์ ลูก
วางใจในพระองค์ และลูกรักพระองค์ ลูกกราบขอสมาโทษแทนคนที่ไม่เชื่อใน
พระองค์ ไม่นมัสการพระองค์ ไม่วางใจในพระองค์ และไม่รักพระองค์... แล้ว
บอกพระองค์ตอนนี้ว่าลูกรักพระองค์มากแค่ไหน แล้วขอให้ลูกถวายบังคมต่อจอม
กษัตริย์”

ฉันบอกพระองค์ตามนี้และราวกับพระองค์ทรงมองจากแผ่นศีลขนาด
ใหญ่มาที่ฉันคนเดียว แต่ฉันทราบมาว่าพระองค์ทรงมองแต่ละคนในลักษณะเดียว
กันนี้ด้วยความรักเต็มเปี่ยม ฉันซบหน้าลงจรดพื้นเหมือนกับที่เทวดาและผู้ศักดิ์
สิทธิ์ทุกองค์ทำ พอท่านอัญเชิญแผ่นศีลลง แผ่นศีลก็กลับเป็นขนาดเท่าเดิม
ฉันน้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่อาจกลั้นความอัศจรรย์ใจไว้ได้