“เรายอมตายก็เพราะรัก และเราได้กลับคืนชีพแล้ว เราเฝ้าคอยลูกแต่ละคน
เพราะรักและเรายังอยู่กับลูกก็เพราะรัก... แต่ลูกมิได้รู้สำนึกเลยว่าเราต้องการ
ความรักจากลูก จำไว้เถิดว่าเราเป็นผู้มาวอนขอความรักในวาระที่สูงส่งสำหรับ
วิญญาณนี้”
พวกท่านรู้หรือไม่ว่าพระองค์ผู้เป็นองค์ความรักกำลังอ้อนวอนขอ
ความรักจากเรา แล้วเราไม่ได้มอบความรักแด่พระองค์ มิหนำซ้ำ เรายังเลี่ยงที่จะ
พบองค์ความรักผู้พลีชีวิตเป็นเครื่องบูชานิรันดรเพียงเพราะความรัก

ตอนที่ประธานในพิธีกล่าวอวยพร แม่พระตรัส “จงตั้งใจให้ดี...ลูกทำเครื่อง
หมายแบบเก่าแทนที่จะทำสำคัญมหากางเขน จงระลึกไว้ว่าการอวยพรคราวนี้อาจ
เป็นครั้งสุดท้ายที่ลูกจะได้รับจากพระสงฆ์ ลูกไม่รู้หรอกว่าลูกจะอยู่หรือจะตาย
เมื่อออกจากวัดไปแล้ว ลูกไม่รู้หรอกว่าลูกจะมีโอกาสรับพระพรจากพระสงฆ์องค์
อื่นอีกหรือไม่ มือผู้ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าแล้วกำลังมอบพระพรให้ลูกเดชะพระ
นามพระตรีเอกภาพ ด้วยเหตุนี้ จงทำสำคัญมหากางเขนด้วยความเคารพราวกับ
เป็นการทำสำคัญมหากางเขนครั้งสุดท้ายในชีวิตของลูก”


คนจำนวนมากมายขาดวัดวันอาทิตย์ด้วยข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เช่น พวกเขามีลูก
2-10 คน เลยมาวัดไม่ได้ แล้วคนเราจัดการกับสิ่งที่เขายึดมั่นกันอย่างไร เขาเอา
ลูกๆมาด้วย หรือไม่ก็ผลัดกันเข้ามิสซาคนละเวลา เรามักมีเวลาให้กับการศึกษาหา
ความรู้ การทำงาน การหาความสำราญ การพักผ่อนเสมอ แต่เราไม่มี เวลาแม้แต่
มาร่วมมิสซาในวันอาทิตย์
พระเยซูเจ้าขอให้ฉันอยู่กับพระองค์อีกสัก 2-3 นาที
หลังมิสซาเลิก พระองค์ตรัสว่า “หลังมิสซาจบแล้วอย่าเพิ่งรีบไป จงอยู่เป็นเพื่อน
เราสักครู่หนึ่ง แล้วให้เราได้อยู่กับลูก...”



ฉันเคยได้ยินมาว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ายังอยู่กับเราอีก 5-10 นาทีหลังรับศีล
ฉันเลยถือโอกาสถามพระองค์เรื่องนี้ “พระเจ้าข้า จริงๆแล้วพระองค์อยู่กับพวก
เรานานแค่ไหนหลังรับศีลมหาสนิท” พระองค์ตอบว่า “เราอยู่กับลูกตลอดเวลาที่
ลูกต้องการให้เราอยู่นั่นแหละ ถ้าหากลูกพูดคุยกับเราตลอดวัน เรารับฟังลูกเวลา
ที่ลูกพูดกับเราระหว่างทำงานบ้าน เราอยู่กับลูกตลอดเวลา ลูกนั่นแหละเป็นฝ่ายที่
จากเราไปเมื่อเลิกมิสซา หรือเมื่อวันฉลองบังคับสิ้นสุดลง ลูกถือวันของพระเจ้าก็
จริง และตอนนี้ก็หมดหน้าที่ของลูกแล้ว ลูกไม่ได้คิดหรอกว่าเราอยากมีส่วนร่วม
กับชีวิตครอบครัวของลูก อย่างน้อยก็ในวันนั้น
”